เอเจนซีส์ - เอ็นพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ ผู้ซื้อแฟรนไชส์รายใหญ่ที่สุดของร้านพิซซ่าฮัท ในสหรัฐฯ ยื่นขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลายอเมริกัน หลังจากมาตรการล็อกดาวน์สืบเนื่องจากโรคระบาดโควิด-19 ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้แก่อุตสาหกรรมภัตตาคารร้านอาหารในสหรัฐฯ ซึ่งมีการแข่งขันกันสูงมากอยู่แล้ว
เอ็นพีซี ซึ่งยื่นขอความคุ้มครองตามหมวด 11 (Chapter 11) ของกฎหมายล้มละลาย ในศาลแขวงเซาเทิร์น ดิสทริกต์ ของรัฐเทกซัส เมื่อวันพุธ (1 ก.ค.) เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1962 ปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินกิจการร้านพิซซ่าฮัท 1,227 แห่ง และร้านเวนดี้ส์ 393 แห่งทั่วทั้งสหรัฐฯ ทั้งนี้ ตามเอกสารซึ่งยื่นต่อศาล
ทั้ง เอ็นพีซี และ พิซซ่าฮัท ต่างอยู่ในภาวะต้องดิ้นรนอย่างหนักอยู่แล้ว จากการที่ต้นทุนค่าจ้างแรงงานและต้นทุนด้านอาหารกำลังเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่กำลังพยายามขยายงานด้านดิลิเวอรี่ และโยกย้ายออกจากกิจการภัตตาคารร้านอาหารแบบเปิดร้านให้คนเข้าไปรับประทานตามแบบฉบับเดิมๆ นอกจากนั้นแล้ว เอ็นพีซี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโอเวอร์แลนด์พาร์ค รัฐแคนซัส ยังเผชิญการแข่งขันอย่างดุเดือดเลือดพล่านจากพวกคู่แข่ง อย่างเช่น โดมิโนส์ พิซซ่า อิงค์ และ ปาปา จอห์นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์
เอ็นพีซี เวลานี้มีหนี้สินอยู่ 903 ล้านดอลลาร์ และได้เปิดการเจรจาล่วงหน้าเพื่อทำข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้ กับบรรดาเจ้าหนี้ แผนการที่จะดำเนินการตามร่างข้อตกลงนี้ มีจุดมุ่งหมายที่จะลดยอดหนี้สินของบริษัท โดยที่เจ้าหนี้บางรายจะเข้ามาร่วมถือหุ้น รวมทั้งอาจจะเข้าร่วมการอัดฉีดเงินสดก้อนใหม่เข้ามา ขณะเดียวกัน ก็จะมีการขายภัตตาคารร้านอาหารของบริษัทออกไปอย่างน้อยก็จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ ตามเอกสารที่ยื่นต่อศาล
การยื่นขอความคุ้มครองตาม แชปเตอร์ 11 เช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่า ร้านพิซซ่าฮัท หรือร้านเวนดี้ส์ เหล่านี้กำลังจะเลิกกิจการ เอ็นพีซียังคงสามารถดำเนินกิจการเหล่านี้ต่อไปได้ ขณะจัดทำแผนการเพื่อชำระหนี้และปรับปรุงธุรกิจให้กลับฟื้นตัวขึ้นมา เวลาเดียวกัน การยื่นล้มละลายของเอ็นพีซีนี้ ก็ไม่ได้กระทบกระเทือนภัตตาคารร้านอาหาร หรือเอาต์เล็ตพิซซ่าฮัท และเวนดี้แห่งอื่นๆ อีกเป็นพันๆ แห่งในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นของผู้ซื้อแฟรนไชส์รายอื่นๆ
ตามข้อตกลงที่เจรจาจัดทำกับพวกเจ้าหนี้ เอ็นพีซีจะเริ่มพยายามขายภัตตาคารร้านอาหารเวนดี้ส์ในระยะไม่กี่วันข้างหน้า เวลาเดียวกัน บริษัทจะมีเวลาจนถึงวันที่ 24 กรกฎาคม ในการจัดทำข้อตกลงกับเจ้าหนี้บางรายและตัวพิซซ่าฮัทเอง ในเรื่องที่ว่าจะปรับโครงสร้างธุรกิจพิซซ่าของเอ็นพีซีกันอย่างไร หากไม่สามารถทำดีลออกมาได้ เอ็นพีซีก็จะพยายามขายภัตตาคารร้านอาหารจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ ตามแผนการปรับโครงสร้างซึ่งยื่นต่อศาล
ทางด้าน โฆษกของพิซซาฮัท ระบุในคำแถลงว่า “จากการที่ เอ็นพีซีดำเนินการเพื่อผ่านกระบวนการยื่นขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลายนี้ เราขอสนับสนุนผลลัพธ์ที่กำลังออกมาเป็นองค์การ ซึ่งจะมีระดับหนี้สินลดต่ำลงและยั่งยืนมากขึ้น มีผู้เป็นเจ้าของซึ่งโฟกัสที่ความดีเลิศของการดำเนินกิจการ และมีการลงทุนด้านภัตตาคารร้านอาหารในระดับที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นอีก” นอกจากนั้น คำแถลงบอกด้วยว่า การยื่นขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละเลยเช่นนี้ จะ “เพิ่มความเข้มแข็งให้แก่สุขภาพและผลประกอบการโดยรวมของระบบทั่วทั้งหมดในระยะยาว”
พิซซ่าฮัท ซึ่งเจ้าของคือ บริษัท ยัม! แบรนด์ส (Yum! Brands) เคยชี้เอาไว้ในรายงานยื่นตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ยอดขายของพวกภัตตาคารร้านอาหารในสหรัฐฯของบริษัท ซึ่งเปิดกิจการมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี ได้เริ่มกระเตื้องดีขึ้นจากที่อยู่ในระดับต่ำสุดในเดือนมีนาคม พิซซ่าฮัทนั้นมีภัตตาคารร้านอาหาร 7,100 ร้านในสหรัฐฯ