รอยเตอร์ - รัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรในวันจันทร์ (29 มิ.ย.) ต้องหวนกลับมาล็อกดาวน์เมืองเลสเตอร์อีกรอบ หลังพบมีอัตราการติดเชื้อโควิด-19 สูงกว่าเมืองอื่นๆ ในประเทศ ถือเป็นครั้งแรกที่ทางสหราชอาณาจักรใช้มาตรการระดับระดับท้องถิ่นแทนมาตรการระดับชาติ ในความพยายามจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
สหราชอาณาจักรอยู่ในกระบวนการของการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ระดับชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเวลานี้ห้างร้านธุรกิจที่ไม่มีความจำเป็นได้กลับมาเปิดบริการแล้ว และจะมีการผ่อนปรนกฎระเบียบต่างๆ เพิ่มเติมในวันที่ 4 กรกฎาคม แต่เมืองเลสเตอร์และพื้นที่โดยรอบจำเป็นต้องอยู่บนเส้นทางที่สวนทางกัน
แมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขระบุว่า อัตราการติดเชื้อในรอบ 7 วันในเมืองเลสเตอร์ อยู่ที่ 135 คนต่อประชากร 100,000 คน สูงกว่าเมืองอื่นที่อยู่ในอันดับรองลงไปกว่า 3 เท่า และในบรรดาผู้ที่มีผลตรวจออกมาเป็นบวกทั่วประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีถึง 10% ที่อยู่ในเมืองเลสเตอร์
“จากการแพร่ระบาดที่หนักหน่วงขึ้นในเลสเตอร์ เราไม่ขอแนะนำให้ผ่อนคลายล็อกดาวน์ระดับชาติ ซึ่งมีกำหนดไว้ในวันที่ 4 กรกฎาคม ในเมืองเลสเตอร์” แฮนค็อกกล่าวในถ้อยแถลงต่อรัฐสภา
“นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ธุรกิจค้าปลีกที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องปิดบริการ และด้วยที่เด็กๆ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโดยเฉพาะ โรงเรียนต่างๆ ก็จำเป็นต้องปิดการเรียนการสอนนับตั้งแต่วันพฤหัสบดีเป็นต้นไป” เขากล่าว พร้อมระบุว่า “เด็กๆ ยังคงอยู่ในความเสี่ยงระดับต่ำ แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นตัวแพร่กระจายเชื้อ”
แฮนค็อก แนะประชาชนหลีกเลี่ยงทุกการเดินทางที่ไม่จำเป็นทั้งเข้าและออกจากเลสเตอร์ รวมถึงภายในตัวเมือง ซึ่งตั้งอยู่แถบตอนกลางของปรเทศ ทั้งนี้พื้นที่โดยรอบในเลสเตอร์เชียร์ ก็จะอยู่ในมาตรการล็อกดาวน์เช่นกัน
สหราชอาณาจักรเป็นชาติที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ หนักหน่วงที่สุดในยุโรป ในแง่ของจำนวนผู้เสียชีวิต ด้วยเวลานี้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมที่ได้รับการยืนยันอยู่ที่ 43,575 คน
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 23 มีนาคม แต่ได้ผ่อนคลายแบบค่อยเป็นค่อยไปในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ในขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เคยแถลงก่อนหน้านี้ว่าเจ้าหน้าที่จะหาทางควบคุมไวรัสผ่านมาตรการระดับท้องถิ่น
