เอเอฟพี - บีเอ็มดับเบิลยู จะปรับลดพนักงาน 6,000 อัตรา ในปีนี้ และระงับโครงการเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ร่วมมือกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ หลังค่ายรถหรูสัญชาติเยอรมันมองเห็นอุปสงค์ดำดิ่ง สืบเนื่องจากโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
“มาตรการต่างๆ เพิ่มเติมมีความจำเป็นเพื่อให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีความยืดหยุ่นมากขึ้น สำหรับรับมือกับอิทธิพลต่างๆ ภายนอกและความผันผวนของตลาด” ผู้บริหารบีเอ็มดับเบิลยู ระบุในถ้อยแถลง พร้อมบอกว่า ทางบริษัทหวังบรรลุเป้าหมายในแผนปรับลดคนงานผ่านข้อตกลงโดยสมัครใจ
การปรับลดพนักงาน 6,000 อัตรา ถือเป็นกลุ่มก้อนที่มากพอสมควรสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งมีพนักงานกว่า 120,000 คนทั่วโลก โดยการปรับลดมีขึ้นในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์จำเป็นต้องดิ้นรน เพื่อความอยู่รอดจากอุปสงค์ถดถอย และกำลังผลิตที่ลดลง สืบเนื่องจาการแพร่ระบาดของโควิด-19
ขณะเดียวกัน บีเอ็มดับเบิลยู และ เดมเลอร์ เจ้าของเมอร์เซเดส ได้ออกถ้อยแถลงร่วม ระบุว่า ทั้งสองบริษัทจะระงับโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเอาไว้ก่อน
ทั้งสองบริษัทจับมือกันในความพยายามไล่ตามบรรดาคู่แข่งจากสหรัฐฯ และจีน ในนั้นรวมถึงเทสลา และ กูเกิล ซึ่งเริ่มดำเนินการล่วงหน้าไปพอสมควร ในโครงการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
แต่ในการเจรจาที่เพิ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ทั้งสองบริษัทพบว่า โครงการนี้มีค่าใช้จ่ายแพงเกินไป ในการสร้างแพลตฟอร์มเทคโนโลยีร่วมกัน ประกอบกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและเศรษฐกิจในปัจจุบัน พวกเขาจึงมองว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับเดินหน้าโครงการ “ความร่วมมือกันอาจเกิดขึ้นอีกครั้งในภายหลัง” ถ้อยแถลงจาก 2 บริษัทระบุ
บีเอ็มดับเบิลยูเคยแถลงเมื่อเดือนพฤษภาคม ว่า จะยกระดับโครงการลดค่าใช้จ่ายเพื่อรับมือกับความเสียหายทางเศรษฐกิจ อันเนื่องจากมาตรการควบคุมการแพร่เชื้อที่ถูกบังคับใช้เพื่อต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
เหล่าผู้บริหารมีแผนลดการลงทุน และหวังลดค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างผ่านมาตรการลดจำนวนพนักงานโดยสมัครใจมากกว่า แม้ในวันศุกร์ (19 มิ.ย.) ได้ออกมาตรการต่างๆ เพิ่มเติมในความพยายามลดต้นทุนแล้วก็ตาม
เวลานี้ บีเอ็มดับเบิลยู เลือกหนทางลดชั่วโมงทำงานของแรงงานบางส่วน 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และอนุมัติเพิ่มวันหยุดพิเศษแก่พนักงานอีก 8 วันต่อปี แลกกับการปรับลดค่าจ้าง
เหมือนกับ เดมเลอร์ และ โฟล์คสวาเกน ทางค่ายบีเอ็มดับเบิลยู คาดการณ์ว่า โรคระบาดใหญ่จะทำให้ทางบริษัทขาดทุนจากการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 เนื่องจากโชว์รูมจำนวนมากจำเป็นต้องปิดบริการเป็นเวลานานหลายสัปดาห์
ทั้งนี้ ในผลดำเนินการตลอดทั้งปี ทางบีเอ็นดับเบิลยูคาดหมายว่า พวกเขาจะมีกำไรก่อนหักภาษีลดลงอย่างมากจากระดับ 7,100 ล้านยูโร (ราว 2.5 แสนล้านบาท) ในปี 2019