รอยเตอร์ – นิวซีแลนด์พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่ม 2 รายในวันนี้ (16 มิ.ย.) โดยเป็นผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากสหราชอาณาจักร นับเป็นผู้ป่วยใหม่กลุ่มแรกหลังจากที่ยอดติดเชื้อในแดนกีวีลดลงเป็นศูนย์ต่อเนื่องนานถึง 24 วัน และรัฐบาลได้ประกาศว่ามีชัยชนะเหนือโควิด-19
สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ยกเลิกข้อจำกัดทางสังคมและเศรษฐกิจ โดยคงไว้เฉพาะมาตรการควบคุมพรมแดน พร้อมทั้งประกาศยืนยันไม่มีเคสผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หลงเหลือในประเทศ ซึ่งทำให้นิวซีแลนด์กลายเป็นชาติแรกๆ ของโลกที่อนุญาตให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนก่อนมีโรคระบาด
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น ได้เตือนเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าคงจะมีผู้ติดเชื้อใหม่ปรากฏขึ้นในอนาคต โดยอาจเป็นพลเมืองที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ หรือชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้เข้านิวซีแลนด์ภายใต้เงื่อนไขพิเศษ
ผู้ติดเชื้อใหม่ 2 รายเป็นหญิงอายุ 30 และ 40 ปีเศษซึ่งเดินทางเข้ามายังกรุงเวลลิงตันเพื่อเยี่ยมบุพการีที่กำลังป่วยหนัก
แอชลีย์ บลูมฟิลด์ อธิบดีกรมสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ ระบุว่า หญิงทั้งสองคนเดินทางจากสหราชอาณาจักรผ่านกรุงโดฮาและนครบริสเบนมาถึงนิวซีแลนด์เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. และถูกส่งไปเข้าศูนย์กักกันโรคที่เมืองอ็อคแลนด์ ทั้งสองได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ออกจากศูนย์กักตัวเพื่อไปเยี่ยมบุพการีที่กำลังป่วยหนักใกล้เสียชีวิตที่กรุงเวลลิงตัน และเวลานี้อยู่ระหว่างกักกันตนเอง
จากสถิติล่าสุดทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมของนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นเป็น 1,506 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 22 รายเท่าเดิม
นิวซีแลนด์ซึ่งมีประชากรราว 5 ล้านคนประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่กระจายของโควิด-19 และเริ่มที่จะฟื้นตัวจากโรคระบาดใหญ่ครั้งนี้แล้ว ขณะที่สถานการณ์ในประเทศขนาดใหญ่อย่างบราซิล, อังกฤษ, อินเดีย และสหรัฐอเมริกา ยังคงน่ากังวล
ความสำเร็จของแดนกีวีเกิดจากการที่ภาครัฐบังคับใช้ข้อจำกัดต่างๆ อย่างเข้มงวด มีการสั่งปิดภาคธุรกิจเกือบทั้งหมดนานหลายสัปดาห์ และให้ประชาชนเก็บตัวอยู่บ้าน ยกเว้นกลุ่มอาชีพที่มีความจำเป็นจริงๆ
นายกฯ อาร์เดิร์น พยายามเลี่ยงไม่พูดว่าประเทศของเธอ “ปลอดจากโควิด-19” ในขณะที่เชื้อร้ายยังคงแพร่ระบาดทั่วโลก และมีแนวโน้มที่นิวซีแลนด์จะพบผู้ป่วยที่เป็นเคสนำเข้าอีก
“ดิฉันไม่อยากให้ชาวนิวซีแลนด์เชื่อว่าสงครามสิ้นสุดแล้ว ทั้งที่มันไม่ใช่” เธอแถลงเมื่อต้นสัปดาห์นี้