รอยเตอร์ - อินเดียรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายวันในวันศุกร์ (12 มิ.ย.) สูงสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดและก้าวขึ้นมาเป็นชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก เพิ่มความเป็นไปได้ที่ต้องหวนคืนสู่มาตรการล็อกดาวน์ ทั้งที่เพิ่งยกเลิกไปไม่กี่วัน
ด้วยความกระวนกระวายต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์มานานเกือบ 70 วัน เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียได้อนุญาตให้ระบบขนส่งมวลชนเกือบทั้งหมดกับมาเปิดทำการ เช่นเดียวกับสำนักงานและห้างสรรพสินค้า แม้เจ้าหน้าที่าธารณสุขเตือนว่าประเทศแห่งนี้ยังต้องใช้เวลาอีกนานหลายสัปดาห์กว่าที่กราฟเส้นโค้งของผู้ติดเชื้อจะราบแบน
ในวันศุกร์ (12 มิ.ย.) กระทรวงสาธารณสุขอินเดียระบุว่าพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้ 10,956 คน โดยจำนวนมากอยู่ในนิวเดลี, มุมไบ และเชนไน ส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 297,535 คน แซงหน้า สหราชอาณาจักร กลายเป็นชาติที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดอันดับ 4 ของโลก
ดอคเตอร์ วี.เค.ปาอุ, หัวหน้าคณะทำงานพิเศษของรัฐบาลด้านรับมิอวิกฤตโควิด-19 บอกว่าการแพร่ระบาดคงไม่จบลงในระยะเวลาอันใกล้นี้ "พลเมืองของเราอยู่ในภาวะล่อแหลม ไวรัสนี้ยังคงอยู่ เราควบคุมมัน แต่การต่อสู้คงจะต้องดำเนินต่อไปอีกหลายเดือน"
ผู้เสียชีวิตรายวันในวันศุกร์(12มิ.ย.) มีเพิ่ม 396 คน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 8,498 ราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่บอกว่าถือเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อย หากเทียบกับประชาชนทั้งหมดกว่า 1,300 ล้านคน ในขณะที่สหราชอาณาจักร มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 41,000 คน
ประวีน กันเดลวา เลขาธิการทั่วไปของสมาพันธ์ผู้ค้าทั่วอินเดีย บอกว่าห้างร้านต่างๆในนิวเดลีอาจจำเป็นต้องปิดบริการอีกครั้ง ในขณะที่ประมาณการว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในเมืองหลวงแห่งนี้ อาจเพิ่มขึ้นแตะระดับครึ่งล้านคนในช่วงสิ้นเดือนกรกฏาคม จาก 32,810 คนในปัจจุบัน
ศาลฎีกาต้องการรายงานจากเจ้าหน้าที่เดลี หลังมีข่าวว่าพวกคนไข้กำลังเผชิญกับสถานการณ์อันเลวร้ายตามโรงพยาบาลต่างๆ เนื่องจากสถาพยาบาลทั้งหลายต่างแออัดไปด้วยคนไข้โควิด-19
ทั้งนี้รัฐบาลยอมรับว่ากรุงนิวเดลี ต้องรีบหาเตียงเสริมตามโรงพยาบาลต่างๆ อีกอย่างน้อย 80,000 เตียงในช่วงสิ้นเดือนหน้า ในขณะที่เวลานี้มีเตียงรองรับผู้ป่วยอยู่เพียงแค่ 11,000 เตียงเท่านั้น