เอเจนซีส์/เอเอฟพี – ผู้เสียชีวิตโควิด-19 ทั่วโลกวันอาทิตย์(31 พ.ค)อยู่ที่ 6,075,786 คน เสียชีวิตรวม 369,433 คน สหรัฐฯเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 จำนวน 103,781 คน ติดเชื้อ 1,770,384 คน ล่าสุดผู้นำบราซิล ฌาอีร์ โบลโซนารู ไม่สนใจบราซิลป่วยติดเชื้ออันดับ 2 ของโลก ตายอีกกว่า 2 หมื่นประกาศต้องการให้ฤดูกาลแข่งฟุตบอลกลับมา ด้านองค์การอนามัยโลก WHO ออกคำแนะนำสำหรับการรวมตัวหมู่มากในที่สาธารณะ
เอเอฟพีรายงานวันนี้(31 พ.ค)ว่า ในขณะที่ในเวลานี้บราซิลกลายเป็นจุดร้อนโรคไวรัสโคโรนาระบาด อ้างอิงตัวเลขจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์วันอาทิตย์(31)พบว่า บราซิลมีผู้ติดเชื้อสูงเป็นอันดับ 2 ของโลกที่ 498,440 คน เสียชีวิต 28,834 คน ขณะที่ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อรวม 6,075,786 คน เสียชีวิตรวม 369,433 คน สหรัฐฯเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 จำนวน 103,781 คน ติดเชื้อ 1,770,384 คน
แต่กลับพบว่าผู้นำการเมืองปีกขวาบราซิล ฌาอีร์ โบลโซนารู ล่าสุดออกมาแสดงความต้องการให้การแข่งขันฟุตบอลที่ถูกสั่งยกเลิกไปตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมให้กลับมาเริ่มต้นอีกครั้ง
โดยในการให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ กวยบา(Guaiba) โบลโซนารูกล่าวว่า ***ไม่ดูเหมือนว่านักเตะจะล้มป่วยด้วยโรคโควิด-19***
“ในฐานะที่เป็นนักเตะเป็นนักกีฬาที่มีอายุน้อย ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการติดโรคไวรัสนั้นลดลง” ผู้นำบราซิลกล่าว
โบลโซนารูกล่าวว่า แรงจูงใจหลักของเขาต่อความต้องการให้การแข่งกีฬาฟุตบอลกลับมานั้นมีเพื่อป้องกันการว่างงานและความเศร้าโศกที่มาพร้อมกัน
“พวกนักเตะต้องมีชีวิตอยู่รอด” โบลโซนารูกล่าวพร้อมกับอธิบาย ซึ่งในขณะที่นักเตะชื่อดังระดับโลกนั้นร่ำรวย แต่บรรดานักฟุตบอลที่อยู่ในลีกส์ที่เล็กกว่าระดับภูมิภาคต้องลงออกเล่นเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
ที่ผ่านมาผู้นำบราซิลพยายามต่อต้านมาตรการสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในที่ไม่ต่างจากทรัมป์ผู้นำสหรัฐฯจากการเกรงว่าเศรษฐกิจของบราซิลจะล่มสลาย เขาได้โจมตีบรรดาผู้นำระดับท้องถิ่นที่ใช้มาตรการอยู่บ้านว่า เป็นมาตรการเผด็จการ
ด้านองค์การอนามัยโลก WHO ในวันอาทิตย์(31) ออกคำแนะนำใหม่สำหรับการรวมตัวหมู่และการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานว่า มีการแนะนำถึงจำนวนของการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้สำหรับการจัดงานขนาดใหญ่เมื่อถึงเวลากำหนด
การรวมตัวนอกบ้าน การจำจัดจำนวนผู้เข้าร่วมเฉพาะผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง และเข้ามาแบบคนเดียวจะช่วยให้ลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดได้ อ้างอิงจากคำแนะนำ
โดยในแถลงการณ์ขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่า “ในแง่ของสถานการณ์ระบาดโรคโควิด-19 การรวมตัวหมู่มากที่จะส่งผลทำให้เกิดการแพร่กระจายไวรัสและทำให้ศักยภาพการรับมือของประเทศต่างๆเกิดการติดขัด” แต่อย่างไรก็ตาม WHO ชี้ถึงประโยชน์จากการร่วมตัวหมู่ เป็นต้นในแง่การจ้างงานและส่งเสริมด้านกำลังใจและจิตใจ
ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบทำการประเมินความเสี่ยงก่อนการอนุญาต
คำแนะนำรวมไปถึง การเข้าแบบแต่ละคน เพิ่มความถี่ทางการคมนาคม กำหนดที่นั่ง เปลี่ยนแปลงความจุของสถานที่จัดงาน และงานอาจถูกจัดทางออนไลน์หรือกลางแจ้งแทนเพื่อความปลอดภัย เป็นต้น
