เอเจนซีส์ - องค์การอนามัยโลกระงับการทดสอบการใช้ยาต้านมาเลเรียรักษาผู้ป่วยโควิด หลังผลศึกษาพบเพิ่มความเสี่ยงเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังย้ำว่า ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อลดลงยังไม่ควรลดการ์ด เพราะอาจเจอการระบาดรุนแรงรอบสองแบบไม่ทันตั้งตัว
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ริเริ่มผลักดันให้ใช้ยาต้านมาเลเรีย ไฮดร็อกซีคลอโรควิน เพื่อป้องกันหรือรักษาโควิด-19 ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเกือบ 5.5 ล้านคน และเสียชีวิต 345,000 คนทั่วโลก โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประมุขทำเนียบขาวบอกว่า ตัดสินใจกินยานี้เพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังจากได้รับจดหมายสนับสนุนจากแพทย์คนหนึ่งและบุคคลอื่นๆ แม้ผู้เชี่ยวชาญของทำเนียบขาวเตือนว่า ยาดังกล่าวมีความเสี่ยงร้ายแรง และสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ย้ำว่า ได้รับรายงานที่ระบุว่า ยาไฮดร็อกซีคลอโรควินทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อการทำงานของหัวใจก็ตาม
ประธานาธิบดี จาอีร์ โบลโซนาโร ของบราซิล เจริญรอยตามทรัมป์ ด้วยการสนับสนุนให้ใช้ยานี้รักษาผู้ป่วยโควิด โดยขณะนี้บราซิลกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุดอันดับ 2 ของโลกรองจากอเมริกา
เมื่อวันจันทร์ (25 พ.ค.) เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (ฮู) แถลงระงับการทดสอบการใช้ยาไฮดร็อกซีคลอโรควินรักษาผู้ป่วยโควิดชั่วคราว เพื่อตรวจสอบข้อมูลด้านความปลอดภัย หลังผลศึกษาหลายฉบับทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัย รวมถึงฉบับหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (22 พ.ค.) ที่พบว่า ยาตัวนี้เพิ่มความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิต
ทรัมป์นั้นถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า จัดการวิกฤตไวรัสช้าเกินไป ซ้ำยังดูเบาระดับความรุนแรงของการระบาด โดยล่าสุด อเมริกามีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงที่สุดในโลกคือกว่า 1.6 ล้านคน และ 98,218 คนตามลำดับ
ขณะเดียวกัน แม้ฮูระงับการทดสอบยาต้านมาเลเรีย เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขบราซิลจัดแถลงข่าวในวันเดียวกันว่า จะยังยึดถือแนวทางในการใช้ยานี้รักษาผู้ป่วยโควิดต่อ
บราซิลมีผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 375,000 คน ซึ่งเชื่อว่า ตัวเลขจริงน่าจะสูงกว่านี้หลายเท่า และเสียชีวิตกว่า 23,000 คน ชิลีที่อยู่ในทวีปอเมริกาใต้เช่นเดียวกัน รายงานผู้ติดเชื้อใหม่เกือบ 5,000 คนในวันจันทร์
ขณะที่ ละตินอเมริกา รวมถึงบางส่วนของแอฟริกาและเอเชียเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการระบาดรุนแรง หลายประเทศในยุโรป เช่น สเปน เยอรมนี ไอซ์แลนด์ อิตาลี และ กรีซ กำลังเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์หลังจากสามารถควบคุมการระบาดได้แล้ว
กระนั้น นายแพทย์ ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินของฮู เตือนว่า ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อลดลงยังเผชิญความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดรุนแรงที่สุดรอบสองแบบกะทันหัน หากผ่อนผันมาตรการจำกัดเร็วเกินไป
ไรอันเสริมว่า โลกยังอยู่ระหว่างการระบาดระลอกแรก และตั้งข้อสังเกตว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในหลายประเทศลดลง แต่ตัวเลขในอเมริกากลางและใต้ เอเชียใต้ และแอฟริกากำลังพุ่งขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญของฮูยังบอกอีกว่า โรคระบาดมักเกิดขึ้นหลายระลอก หมายความว่า ไวรัสโคโรนาอาจกลับมาอีกช่วงปลายปีนี้ในพื้นที่ที่การระบาดระลอกแรกซาลง นอกจากนั้น ยังมีโอกาสที่อัตราการติดเชื้อจะดีดขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว หากยกเลิกมาตรการที่เคยใช้สกัดการระบาดรอบแรกเร็วเกินไป
ไรอันทิ้งท้ายว่า ประเทศในยุโรปและอเมริกาเหนือควรบังคับใช้มาตรการด้านสาธารณสุขและสังคม รวมถึงการเฝ้าระวัง การทดสอบหาผู้ติดเชื้อ และกลยุทธ์ที่ครอบคลุมต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่า สถานการณ์การระบาดจะคงอยู่ในทิศทางขาลงและไม่เกิดการระบาดรอบสองแบบทันทีทันใด
สัญญาณเตือนล่าสุดคือสถานการณ์ในสวีเดนที่มีผู้เสียชีวิตเกิน 4,000 คน มากกว่าประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง โดยประเทศในแถบสแกนดิเนเวียแห่งนี้ได้รับความสนใจและเสียงวิจารณ์จากทั่วโลก จากการไม่บังคับใช้มาตรการกักตัวอยู่บ้านเหมือนชาติอื่นๆ ในยุโรป