รอยเตอร์ - ฝรั่งเศสแซงหน้าสเปน เป็นชาติที่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) มากที่สุดอันดับ 4 ของโลก หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 348 ศพในวันอังคาร (12 พ.ค.) ยอดตายสะสมเป็น 26,991 ศพ เป็นรองเพียงสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และอิตาลี
ข้อมูลอย่างเป็นทางการเผยให้เห็นว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในฝรั่งเศส ไล่ตามสเปนมาติดๆ หลายสัปดาห์ โดยทั้งสองประเทศมียอดรวมเหนือกว่าระดับ 22,000 ศพมาตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน ก่อนที่สเปนจะเหลือระยะห่างจากฝรั่งเศสไม่ถึง 100 ศพในช่วงหลายวันของสัปดาห์ที่แล้ว
จนล่าสุดในวันอังคาร (12 พ.ค.) ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 80,606 ศพ สูงสุดในโลก รองลงมา คือ สหราชอาณาจักร 32,065 ศพ อันดับ 3 เป็นของอิตาลี 30,911 ศพ และอันดับ 4 ได้แก่ ฝรั่งเศส และอันดับ 5 สเปน ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 26,920 ศพ
ในวันที่ 2 หลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ รัฐบาลของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง เน้นย้ำว่าพวกเขาพร้อมยกระดับมาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นอีกครั้งหากว่ามีความจำเป็น
ถ้อยแถลงของกระทรวงสาธารณสุขฝรั่งเศสบอกว่า จำนวนคนไข้โควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาล ลดลงอีกวันจาก 22,284 คนเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ค.) เหลือ 21,595 คนในวันอังคาร (12 พ.ค.) ยังคงอยุ่ในแนวโน้มขาลงต่อเนื่องมากว่า 4 สัปดาห์
ส่วนจำนวนของคนไข้ที่อยู่ในห้องไอซียู มาตรวัดหลักต่อศักยภาพของระบบสาธารณสุขในการรับมือกับโรคระบาดใหญ่ก็อยู่ในแนวโน้มขาลงต่อเนื่องเช่นกัน โดยลดลง 170 คน หรือ 6.3% เหลือ 2,542 คน จากครั้งหนึ่งซึ่งเคยมีมากกว่า 7,000 คนในช่วงต้นเดือนเมษายน จุดสูงสุดของวิกฤต
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันอังคาร (12 พ.ค.) พบเพิ่ม 708 คน ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 140,227 คน เพิ่มขึ้นจากระดับ 456 คนในวันจันทร์ (11 พ.ค.)
รัฐบาลฝรั่งเศสระบุว่าจะพิจารณากลับมาล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง หากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันกลับไปแตะระดับ 3,000 คน อย่างไรก็ตาม ช่วง 6 วันหลังสุด พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยแค่ราวๆ 670 คนต่อวันเท่านั้น