เอเจนซีส์ – ศาลสูงสุดอิสราเอลพิพากษาวันพุธ(6 พ.ค) เปิดทางให้นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู สามารถตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ ชี้การถูกสั่งฟ้องคดีคอร์รัปชันยังไม่ทำให้ขาดคุณสมบัติเพราะยังถือเป็นผู้บริสุทธิอยู่ ด้านเนทันยาฮูและเบนนี แกนต์ซ (Benny Gantz) แถลงร่วมจะเข้าพิธีสาบานตนร่วมกันในวันที่ 13 พ.คที่จะผลัดกันดำรงตำแหน่ง
อัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์รายงานเมื่อวานนี้(6 พ.ค)ว่า แถลงการณ์ร่วมระหว่างเบนจามิน เนทันยาฮูจากพรรคลิคุด และเบนนี แกนต์ซ (Benny Gantz)หัวหน้าพรรคน้ำเงินขาวที่ออกมาคืนวันพุธ(6)ระบุว่า “พวกเขาจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งที่จะถูกจัดขึ้นในวันที่ 13 พ.ค สำหรับรัฐบาลอิสราเอลชุดใหม่ หลังจากกระบวนการทางสภาเสร็จสิ้นแล้วในค่ำนี้”
ทั้งนี้พบว่าความเป็นพันธมิตรได้ก่อตัวขึ้นในเดือนที่ผ่านมาระหว่างเนทันยาฮูและแกนต์ซ ซึ่งภายใต้ข้อตกลง 3 ปีพบว่า เนทันยาฮูจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเป็นเวลา 18 เดือนก่อนที่จะส่งมอบให้กับแกนตซ์ต่อไปสำหรับในช่วงเวลาที่เหลืออีก 18 เดือน
อย่างไรก็ตาม อ้างอิงจากเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ การที่แกนต์ซซึ่งเป็นคู่แข่งของเนทันยาฮูได้ตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติพบว่าเขาได้สูญเสียเสียงสนับสนุนไป ซึ่งไม่แค่กลุ่มอดีตผู้สนับสนุนแต่ยังเป็นสมาชิกอีกร่วมครึ่งพรรคของเขาในรัฐสภาอิสราเอล แต่แกนต์ซอ้างว่า เขาจำเป็นต้องลงนามตกลงร่วมรัฐบาลฉุกเฉินกับเนทันยาฮูเพราะวิกฤตโรคระบาดโควิด-19
สื่ออังกฤษชี้ว่า อิสราเอลมีผู้ติดเชื้อรวม 16,300 คน เสียชีวิต 239 คน สร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจ
โดยในคำพิพากษาที่ออกมาจากศาลสูงสุดอิสราเอลจากคณะผู้พิพากษา 11 คนซึ่งมีเสียงเป็นเอกฉันท์ ระบุว่า “ไม่มีเงื่อนไขทางกฎหมายในการขัดขวางเนทันยาฮูสมาชิกสภา คเนสเซต(Knesset)ในการจัดตั้งรัฐบาล” โดยชี้ว่า สำหรับการที่ผู้นำอิสราเอลถูกสั่งฟ้องอย่างเป็นทางการในคดีคอร์รัปชันในเวลานี้นั้น ในคำตัดสินชี้ว่า ผู้นำอิสราเอลยังสามารถอ้างได้ว่า “ยังเป็นผู้บริสุทธิ” อยู่จนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด
นอกจากนี้ในคำพิพากษายังชี้ว่า ข้อตกลงตั้งรัฐบาลฉุกเฉินระหว่างเนทันยาฮูและแกนต์ซนั้นชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ข้อกล่าวหาที่ว่าเป็นการไม่เป็นไปตามกฎหมายและยังเป็นเกราะกำบังต่อการถูกดำเนินคดีคอร์รัปชันที่เขาโดนยื่นฟ้องในเดือนมกราคมสำหรับความผิด