เดอะซัน - พวกผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์บริเวณด้านนอกสำนักงานใหญ่ตำรวจนครบาลลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่คนกลุ่มนี้เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดที่ว่าเครือข่ายโทรคมนาคมความเร็วสูง 5G มีความเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
เหล่าชุมนุมซึ่งมีทั้งผู้ชาย, ผู้หญิง และเด็ก พากันชูป้ายประท้วงเรียกร้อง “ไม่เอาการกักบริเวณ” แสดงพลังคัดค้านคำสั่งหยุดอยู่ในแต่บ้านของรัฐบาล และป้ายข้อความว่า “สิทธิของเรา สิทธิการแสดงออกของเรา ร่างกายของเรา ไม่เอา 5G”
จากนั้นพวกเขาก็ไปแสดงออกด้วยการกอดกันเป็นกลุ่มอยู่ด้านนอกสำนักงานใหญ่ของตำรวจนครบาลในกรุงลอนดอน แม้รัฐบาลออกคำแนะนำให้ประชาชนอยู่ห่างกัน 2 เมตรตลอดเวลาเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ประท้วงแตกกระเจิงกันไปคนละทิศละทางเพื่อความปลอดภัยของตนเอง
มีรายงานว่าชายคนหนึ่งถูกจับกุมฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของตำรวจและทำร้ายเจ้าหน้าที่ และถูกพาตัวไปคุมขัง
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน สื่อมวลชนอังกฤษรายงานว่าวมีเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์หลายเสาในสหราชอาณาจักรถูกจุดไฟเผา และมันเป็นฝีมือของกลุ่มคนที่เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดที่ว่าเสาปล่อยสัญญาณ 5G เป็นตัวการทำให้เชื้อโคโรนาไวรัสแพร่ระบาด
ข่าวลือและทฤษฎีสมคบคิดที่เชื่อมโยงเทคโนโลยี 5G กับการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสถูกแชร์เป็นวงกว้างในโซเชียลมีเดียในอังกฤษ โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก และเน็กซ์ดอร์
ทฤษฎีหนึ่งอ้างว่า ที่เชื้อโคโรนาไวรัสมาจากอู่ฮั่นก็เพราะเมืองนี้เพิ่งจะเปิดใช้เทคโนโลยี 5G ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และไวรัสกำลังแพร่ไปยังเมืองที่ใช้เทคโนโลยีนี้
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พบการเชื่อมโยงระหว่างการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสกับเทคโนโลยี 5G และยังไม่พบผลกระทบต่อสุขภาพจาก 5G เช่นกัน
ทางการอังกฤษระบุว่า ข่าวลือในลักษณะทฤษฎีสมคบคิด ที่ระบุว่าเครือข่ายโทรคมนาคมความเร็วสูง 5G มีความเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นั้น เป็นข่าวปลอม และเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
รัฐมนตรีประจำคณะรัฐบาลอังกฤษ ไมเคิล โกว์ฟ กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวไร้สาระ แต่ก็มีอันตรายแฝงมาด้วย หลังจากที่มีเสาส่งสัญญาณ 5G บางแห่งถูกเผาและทำลาย และพนักงานของบริษัทโทรคมนาคมบางแห่งถูกข่มขู่คุกคาม
หน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษ กล่าวว่า ข่าวปลอมที่ว่านี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ มารองรับ แต่กลับมีคนเชื่อจริงจัง และสร้างปัญหาต่อระบบสื่อสารในยามที่ต้องการใช้เพื่อติดต่อกรณีเร่งด่วน ซึ่งรวมถึงเครือข่ายโทรศัพท์ที่บรรดาเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินและบุคลากรทางการแพทย์ต้องใช้ในช่วงที่กำลังเกิดการระบาดของโคโรนาไวรัสในขณะนี้ด้วย