รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (29 เม.ย.) ว่าวิธีการตอบสนองโรคระบาด ‘โควิด-19’ ของจีนคือหลักฐานพิสูจน์ว่าปักกิ่ง “พร้อมทำทุกวิถีทาง” เพื่อให้ตนพ่ายศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ปลายปีนี้
ระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว ทรัมป์ ได้วิพากษ์วิจารณ์จีนอย่างดุเดือด และย้ำว่าตนกำลังมองหาทางเลือกต่างๆ ที่จะทำให้จีนต้องรับผิดชอบฐานเป็นต้นตอเชื้อไวรัส
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวโทษจีนว่าเป็นสาเหตุของโรคระบาดใหญ่ (pandemic) ที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วอย่างน้อย 60,000 คน และทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะตกต่ำ ซึ่งถือเป็นการบั่นทอนโอกาสที่ตนจะได้รั้งเก้าอี้ประธานาธิบดีต่อไปอีก 4 ปี
ทรัมป์ วัย 73 ปี ยังย้ำความเชื่อของตนว่า จีนควรเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสให้โลกรับรู้เร็วกว่านี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการทางภาษี หรือแม้กระทั่งการเบี้ยวไม่ยอมจ่ายหนี้ (debt write-offs) เพื่อตอบโต้จีนหรือไม่ ทรัมป์ ก็ตอบแบบกว้างๆ ว่า “มีหลายอย่างที่ผมทำได้... เรากำลังตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น”
ทรัมป์ ยังอ้างว่าปักกิ่งต้องการเห็น ‘โจ ไบเดน’ ผู้สมัครตัวเก็งของพรรคเดโมแครตเป็นประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่ เพื่อที่นโยบายกดดันทางการค้าและอื่นๆ ที่ ทรัมป์ ใช้กับจีนจะได้ถูกผ่อนคลายลง
“จีนพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ผมแพ้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้” ทรัมป์ กล่าว “พวกเขามักใช้การโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อทำเหมือนว่าพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์”
ทรัมป์ ระบุด้วยว่า พิษเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด-19 ส่งผลให้ข้อตกลงการค้าที่ตนทำร่วมกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เพื่อลดยอดขาดดุลการค้าของอเมริกา “เสียหายยับเยิน”
เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ ผู้ไม่ประสงค์ออกนามเผยเมื่อวันพุธ (29) ว่า ข้อตกลงยุติสงครามน้ำลายอย่างไม่เป็นทางการระหว่าง ทรัมป์ กับ สี เมื่อปลายเดือน มี.ค. ดูเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้ว
สี และ ทรัมป์ เคยให้สัญญาว่าจะร่วมมือกันในทุกๆ ทางที่เป็นไปได้เพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่ในช่วงไม่กี่วันมานี้จะเห็นได้ว่าสหรัฐฯ กับจีนเริ่มเปิดศึกกล่าวโทษกันทั้งในประเด็นต้นตอเชื้อไวรัสและมาตรการตอบสนอง
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ และบรรดาผู้ช่วยยังคงหลีกเลี่ยงที่จะโจมตีประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้ซึ่ง ทรัมป์ กล่าวเสมอว่าเป็น “เพื่อน” ของตน
ผู้นำสหรัฐฯ ยังพาดพิงไปถึงเกาหลีใต้ โดยบอกว่ารัฐบาลโซลตกลงที่จะเพิ่ม ‘ค่าคุ้มครอง’ ให้แก่กองทัพสหรัฐฯ ตามข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหม แต่ยังไม่ขอเปิดเผยตัวเลข
“เราตกลงกันได้ พวกเขาเองก็อยากทำข้อตกลง” ทรัมป์ กล่าว “พวกเขายอมที่จะจ่ายเงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก มากกว่าตอนที่ผมเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ เยอะ”
ปัจจุบันยังมีทหารอเมริกันประจำการถาวรอยู่ในเกาหลีใต้ราว 28,500 นาย โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากสงครามเกาหลีที่ถูกระงับไว้ด้วยข้อตกลงหยุดยิงในปี 1953 แต่ยังไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ