เอเจนซีส์ - ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาในอเมริกาล่าสุดทะลุ 58,000 คน มากกว่าจำนวนทหารอเมริกันที่ตายในช่วง 16 ปี ของสงครามเวียดนาม ขณะที่ผู้ติดเชื้อสะสมก็ทะลุหลัก 1 ล้านคนแล้ว ด้านสถานการณ์ในรัสเซียน่าเป็นห่วงมากขึ้น ด้วยยอดผู้ติดเชื้อสะสมเฉียด 100,000 คน หลังพบเคสใหม่เกือบ 6,000 คน เพียงชั่วข้ามคืน ส่วนจีนประกาศจัดประชุมเต็มคณะรัฐสภาแห่งชาติในเดือนหน้า หลังจากต้องประกาศเลื่อนครั้งแรกในรอบหลายสิบปี เพื่อหลีกหนีโควิด-19 เป็นการส่งสัญญาณว่าคณะผู้นำคอมมิวนิสต์ของแดนมังกรมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องสามารถสยบโรคระบาดให้อยู่หมัด
ตามตัวเลขที่รวบรวมเผยแพร่ในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ในวันอังคาร (28 เม.ย.) ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแล้วได้ทะลุเกินหลัก 1 ล้านคน และอยู่ที่มากกว่า 1.01 ล้านคน เมื่อเวลา 20.00 น. วันพุธ (29) ตามเวลาเมืองไทย ขณะที่จากการประมาณการของสำนักข่าวรอยเตอร์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัวในช่วง 18 วันที่ผ่านมา นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า จำนวนจริงน่าจะสูงกว่านี้มาก เนื่องจากการขาดแคลนบุคลากรที่ได้รับการฝึกฝนและชุดตรวจโควิดที่มีจำกัด ทำให้ผู้ติดเชื้อจำนวนมากยังไม่ได้รับการตรวจและลงบันทึก
สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมในวันอังคารก็สูงกว่า 58,350 คน มากกว่าจำนวนทหารอเมริกันที่ตายในสงครามเวียดนามที่ยืดเยื้อถึง 16 ปี ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 58,000 คน
นอกจากนั้น มหาวิทยาลัยวอชิงตันยังปรับโมเดลการคาดการณ์โรคระบาดที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและบุคลากรการแพทย์มักอ้างอิง โดยคาดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอเมริกาจนถึงวันที่ 4 สิงหาคม จะเพิ่มเป็น 74,000 คน เทียบกับตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 67,000 คน
โมเดลนี้ยังชี้ว่า แม้รัฐส่วนใหญ่ถึงจุดเลวร้ายที่สุดของการระบาดแล้ว แต่ 7 รัฐ อาทิ มิสซิสซิปปี เทกซัส และ ฮาวาย กำลังจะถึงจุดดังกล่าวในขณะนี้หรือหลายสัปดาห์หน้า
ที่แคลิฟอร์เนีย เกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐ ประกาศว่า ร้านค้าริมทาง โรงงาน และสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่ำอื่นๆ อาจเปิดทำการภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากการตรวจหาผู้ติดเชื้อและการติดตามผู้สัมผัสโรคได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น
ทางยุโรป สเปน ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดอันดับ 2 รองจากอเมริกา พบเคสใหม่ 2,144 คนในวันอังคาร เป็น 212,917 คน และผู้เสียชีวิต 453 คน รวมเป็น 24,275 คน
วันเดียวกันนั้น นายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชส ประกาศแผนการ 4 ขั้นตอนในการปลดล็อกสเปน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้มาตรการสกัดไวรัสเข้มงวดที่สุดในยุโรป โดนซานเชสระบุว่า สเปนจะกลับสู่ภาวะปกติภายในสิ้นเดือนมิถุนายน และการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่บังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม จะมีระดับลดหลั่นกันไปตามสถานการณ์การระบาดของแต่ละพื้นที่
กระแสการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ขณะนี้ปกคลุมไปทั่ว ร้านค้า ตลาด และโรงเรียนบางแห่งของฝรั่งเศส จะเปิดอีกครั้งเดือนหน้า แต่รัฐบาลยังคงบังคับใช้คำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากในที่สาธารณะและทำงานจากที่บ้านต่ออีกหลายสัปดาห์
ที่เยอรมนี ประชาชนต้องสวมหน้ากากก่อนเข้าไปซื้อของในร้านค้านับตั้งแต่วันพุธ (29) จากเดิมที่คำสั่งนี้ครอบคลุมเพียงการโดยสารรถประจำทาง รถไฟ และรถราง
อย่างไรก็ดี สำหรับรัสเซีย กลับต้องขยายมาตรการล็อกดาวน์ต่ออีกสองสัปดาห์ และประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน เตือนว่า โรคระบาดยังไม่ถึงจุดเลวร้ายที่สุด
วันพุธ ศูนย์รับมือวิกฤตไวรัสโคโรนาของรัสเซีย รายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศใกล้แตะ 100,000 คน หลังพบเคสใหม่ถึง 5,847 คนในชั่วข้ามคืน รวมเป็น 99,399 คน ถือเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิดสูงสุดอันดับ 8 ของโลก มากกว่าจีนและอิหร่าน และพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 108 คน เป็น 972 คน
รัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในแง่ดินแดน เริ่มล็อกดาวน์มาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม
ด้าน ละตินอเมริกา บราซิลกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดใหม่ด้วยยอดผู้เสียชีวิต 5,000 คน ขณะที่นักโทษ 9 คนเสียชีวิตจากเหตุจลาจลในเรือนจำแห่งหนึ่งของเปรูที่ก่อนหน้านี้มีนักโทษ 2 คนเสียชีวิตจากโควิด-19
ในส่วนของจีน ประเทศที่โควิด-19 แพร่ระบาดเป็นแห่งแรก สำนักข่าวซินหัวของทางการรายงานในวันพุธ ว่า การประชุมเต็มคณะของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (รัฐสภาจีน) จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ หลังจากปักกิ่งประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ เลื่อนการประชุมนี้ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในเดือนมีนาคม สืบเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด โดยเป็นการเลื่อนครั้งแรกภายหลังจากการปฏิวัติทางวัฒนธรรมในยุคทศวรรษ 1960-70
ถึงแม้รัฐสภาจีนถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงสภาตรายาง แต่ปักกิ่งก็ถือการประชุมเต็มคณะซึ่งปกติจัดกันปีละครั้ง ก็ถือเป็นกิจกรรมทางการเมืองที่สำคัญ โดยที่คณะผู้นำจะพากันเข้าร่วมอย่างพรักพร้อม และมีผู้แทนจากเขตพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศจำนวนกว่า 3,000 คนเข้าประชุม ดังนั้น การประกาศกำหนดวันประชุมใหม่ จึงถือเป็นสัญญาณแสดงถึงความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้นของคณะผู้นำคอมมิวนิสต์จีนว่าสามารถสยบโรคระบาดได้มากแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง โควิด-19 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกถึง 214,000 คน ยังกดดันให้เศรษฐกิจโลกจ่อเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษ โดยเมื่อวันอังคาร บริติช แอร์เวย์ส เป็นสายการบินล่าสุดที่ส่งสัญญาณเตือนเรื่องนี้ด้วยการประกาศว่า อาจปลดพนักงาน 1 ใน 3 เร็วๆ นี้