เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - นายกเทศมนตรีเมืองโอซาก้า อิชิโร มัตซุย( Ichiro Matsui) ถูกตำหนิอย่างรุนแรงหลังจากเขาชี้ในวันพฤหัสบดี(23 เม.ย)ว่า เห็นควรให้ผู้ชายออกไปซื้อของใช้ภายในบ้านมากกว่า เพราะผู้หญิงมักใช้เวลานานกว่าในร้านท่ามกลางสถานการณ์การระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ขณะที่เรือครุยส์อิตาลี คอสตา แอตแลนติกา(Costa Atlantica) ที่จอดอยู่ที่ท่าเมืองนางาซากิล่าสุดมียอดติดเชื้อไวรัสเพิ่มเป็น 91 ราย ส่งผลทำให้ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อรวมวันนี้(24 เม.ย)ที่ 13,100 ราย เสียชีวิต 330 ราย ยอดติดเชื้อรวมทั่วโลก 2,709,408 คน และเสียชีวิต 190,861 คน
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้(24 เม.ย)ว่า ในการแถลงข่าวโควิด-19 ที่เมืองโอซาก้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศในวันพฤหัสบดี(23) สร้างความไม่พอใจให้กับคนจำนวนมากหลังจาก นายกเทศมนตรีของเมือง อิชิโร มัตซุย( Ichiro Matsui) ออกมาใช้คำพูดเชิงดูหมิ่นทางเพศว่า เห็นสมควรให้ผู้ชายออกไปหาซื้อเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่ร้านมากกว่า เนื่องจากผู้หญิงใช้เวลามากกว่าเมื่ออยู่ภายในร้าน ท่ามกลางความพยายามของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นที่ต้องการจำกัดฝูงชนภายในร้านค้าระหว่างวิกฤตโรคระบ่าด
“ผู้หญิงมักใช้เวลาที่ยาวนานกว่าในร้านขายของชำเป็นเพราะเธอเหล่านั้นมักจะสำรวจสินค้าประเภทต่างๆและชั่งใจว่าจะซื้อสิ่งไหนดีเพื่อให้คุ้มค่ามากที่สุด” พ่อเมืองโอซาก้ากล่าว
และเสริมว่า “ขณะที่ผู้ชายจะตรงเข้าไปหยิบสิ่งที่ต้องการในซุปเปอร์มาเก็ตและจะไม่ใช้เวลานานในนั้น ซึ่งนั้นสามารถหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น”
เวิลด์แบงก์ระบุว่า สตรีคิดเป็น 51% ของประชากรญี่ปุ่นทั้งหมด และอ้างอิงจากดัชนีช่องว่างทางเพศ (gender gap index) ของเวิลด์อิโคโนมิกฟอรัมพบว่า ญี่ปุ่นอยู่ในลำดับที่ 110 จากทั้งหมด 149
สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ซึ่งหลังจากนายกเทศมนตรีโอซาก้าแสดงความเห็นแล้วทำให้นักข่าวหญิงญี่ปุ่น โชโกะ เอกาวา ( Shoko Egawa) ออกมาสวนผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “คนที่ไม่รู้เรื่องในชีวิตประจำวันดีพอไม่สมควรจะออกมาแสดงความเห็น”
และมีคนกว่า 3,000 คนได้ร่วมรีทวิตข้อความของนักข่าวหญิง และหนึ่งในนั้นแสดงความเห็นว่า “บางทีมัตซุยอาจไม่เคยไปซื้อของด้วยตัวเองเสียด้วยซ้ำ” และคนอื่นแสดงความเห็นว่า โศกนาฎกรรมของญี่ปุ่นคือ การมีนักการเมืองเช่น นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ และรองนายกฯ ทาโร อาโซะ (Taro Aso) ที่ออกมายอมรับว่าเคยรู้เรื่องในชีวิตประจำวันเลย
ขณะเดียวกันสถานการณ์ติดเชื้อบนเรือครุยส์สัญชาติอิตาลี คอสตา แอตแลนติกา(Costa Atlantica) ที่จอดอยู่ที่ท่าเมืองนางาซากิล่าสุด รอยเตอร์รายงานในวันศุกร์ (24)ว่า พบว่าบนเรือมียอดติดเชื้อไวรัสเพิ่มเป็น 91 ราย ส่งผลทำให้ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อรวมวันนี้(24 เม.ย)ที่ 13,100 ราย เสียชีวิต 330 ราย อ้างอิงจากกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น
ขณะที่มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ของสหรัฐฯรายงานยอดติดเชื้อรวมทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 2,709,408 คน และเสียชีวิต 190,861 คน
รอยเตอร์ชี้ว่า ในเวลานี้ทางเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นกำลังแข่งกับเวลาในการตรวจหาไวรัสคนบนเรือไปแล้วจำนวน 290 คนจากทั้งหมด 623 คน
ซึ่งทางรัฐมนตรีสาธารณสุขญี่ปุ่น คัตซูโนบุ คาโต (Katsunobu Kato) แถลงในวันศุกร์(24)ว่า ผู้โดยสารคนใดที่มีผลการตรวจเชื้อเป็นลบจะถูกส่งตัวกลับประเทศไป ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่สร้างความยินดีให้กับทางเจ้าหน้าที่เมืองนางาซากิที่เรือสำราญลำนี้ได้เข้าจอดเทียบท่า
“ทางเรามีความกระตือรือร้นที่จะทำให้สิ่งนี้เสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็ว” เจ้าหน้าที่เมืองนางาซากิกล่าวในการแถลงข่าว พร้อมเสริมว่า แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการส่งตัวผู้ที่ไม่ติดเชื้อกลับประเทศไปนั้นจะเสร็จสิ้นลงเมื่อใด แต่ทางเจ้าหน้าที่เมืองได้ติดต่อกับรัฐบาลกลางญี่ปุ่นเพื่อขอความร่วมมือ
ทั้งนี้พบว่าเรือคอสตา แอตแลนติกาถูกเข้านำจอดที่อู่ต่อเรือในเมืองนางาซากิในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์โดยบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสตรีส์ (Mitsubishi Heavy Industries) เกิดขึ้นหลังจากวิกฤตโรคระบาดทำให้ต้องเปลี่ยนแผนจากที่แต่เดิมจะนำส่งซ่อมในจีน
มาจนถึงเวลานี้พบว่ามีผู้โดยสารบนเรือเพียง 1 คนที่ถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่ด้วยอาการขั้นร้ายแรง ส่วนคนอื่นๆที่มีอาการไม่มากนักหรือไม่แสดงอาการ ยังคงอาศัยอยู่บนเรือต่อไป และเรือลำนี้ถูกสั่งกักกันโรค ลูกเรือถูกสั่งให้อยู่แต่ภายในเรือเว้นแต่เป็นการเดินทางเพื่อไปที่โรงพยาบาลเท่านั้น