รอยเตอร์ - เวียดนาม ซึ่งจนถึงตอนนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ต่ำกว่า 300 คนและไม่มีรายงานการเสียชีวิตนับตั้งแต่พบการแพร่ระบาดครั้งแรกในเดือนมกราคม ระบุในวันพุธ (22 เม.ย.) จะเริ่มยกเลิกมาตรการจำกัดความเคลื่อนไหวอันเข้มข้น ในขณะที่ชาติอื่นๆ ในอาเซียนยังคงต้องอยู่ในภาวะล็อกดาวน์ต่อไป
ตอนนี้ไม่มีจังหวัดไหนเลยในเวียดนามที่ถูกมองในฐานะมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ จากคำแถลงของนายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุ้ก แม้ภาคธุรกิจที่ไม่มีความจำเป็นบางอย่างยังจะต้องปิดบริการต่อไป
เวียดนามได้รับเสียงชื่นชมต่อแนวโน้มที่ดูเหมือนว่าสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ได้แล้ว แม้ประเทศแห่งนี้ไม่ได้มีสถานะร่ำรวยเหมือนกับดินแดนอื่นๆ ที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาด อย่างเช่นเกาหลีใต้ และไต้หวัน
จนถึงวันพุธ (22 เม.ย.) เวียดนามไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่องมาเกือบสัปดาห์ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 268 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต และในบรรดาผู้ติดเชื้อนั้นตอนนี้มีถึง 223 คนที่หายป่วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รายงานข่าวระบุว่า เวียดนามใช้หลากหลายแนวทางร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นกักกันโรคหมู่ประชาชนหลายหมื่นคน, ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดและตรวจโรค เหล่านี้นำมาซึ่งความสำเร็จในการควบคุมกลุ่มก้อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งล้วนแต่เป็นกลุ่มก้อนค่อนข้างเล็ก
ขณะเดียวกัน บางทีเวียดนามอาจได้รับข้อมูลสำคัญๆ จากจีนมาตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของการแพร่ระบาด นอกจากนี้แล้ว เวียดยาม ยังเป็นประเทศที่มีอัตราส่วนการตรวจเชื้อเพื่อยืนยันเคสโควิด-19 สูงสุดในโลก
จากข้อมูลที่เผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามในวันพุธ (22 เม.ย.) พบว่าเวียดนามดำเนินการตรวจเชื้อโควิด-19 ไปแล้ว 180,067 คน และตรวจพบผู้ติดเชื้อเพียง 268 คน ในนั้น 83% หายป่วยแล้วและยังไม่พบผู้เสียชีวิต
ตัวเลขดังกล่าวเท่ากับว่าทุกการตรวจ 672 ครั้งจะพบผู้ติดเชื้อ 1 คน สูงสุดรองลงมาคือไต้หวัน ที่ทุกการตรวจ 132.1 ครั้งจะพบผู้ติดเชือ 1 คน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกพื้นที่ของเวียดนามที่มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมจะถูกยกเลิก โดยสื่อมวลชนแห่งรัฐรายงานว่าเมืองแห่งหนึ่งซึ่งมีปะชากร 7,600 คน ในจังหวัดห่าซาง ทางภาคเหนือของประเทศ ใกล้ชายแดนติดกับจีนจะอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์ต่อไป หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อ 1 คนเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา
ในประเทศไทย สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครบกำหนดหมดอายุในช่วงปลายเดือนเมษายน และทางกระทรวงสาธารณสุขเสนอคลายล็อกดาวน์ในจังหวัดต่างๆ ที่ไม่พบเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 มาเป็นเวลา 2 สัปดาห์
ส่วนมาเลเซียยังไม่ตัดสินใจว่าจะขยายหรือยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งเผยในวันพุธ (22 เม.ย.) ว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาความคิดที่ว่าจะอนุญาตให้ประชาชนที่ออกไปนอกตัวเมืองเดินทางกลับมา
แนวคิดดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมาเลเซียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่หลักสิบต่อเนื่องมาหลายวัน โดยในวันพุธ (22 เม.ย.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 50 คน และเสียชีวิต 1 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 5,532 คน เสียชีวิต 93 คน
อินโดนีเซียซึ่งยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 7,418 คน หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 283 คน เสียชีวิตสะสม 635 คน สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทางกรุงจาการ์ตาบอว่าจะขยายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปจนถึงวันที่ 22 พฤษภาคม
ในอาเซียนนั้น ชาติที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนักหน่วงที่สุดได้แก่ สิงคโปร์ ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 10,141 คน เสียชีวิต 11 คน หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันเดียว 1,016 คน รองลงมาได้แก่ อินโดนีเซีย ตามด้วยอันดับ 3 ฟิลิปปินส์ ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 6,710 คน หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 111 คน เสียชีวิต 446 คน ส่วนอันดับ 4 และ 5 ได้แก่ มาเลเซีย และไทย