รอยเตอร์ - รัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมสั่งห้ามประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา หลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอนในช่วงปลาย พ.ค. เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของโรคทางเดินหายใจโควิด-19
อินโดนีเซียมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้ว 590 ราย ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกรองจากจีน
ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด พยายามหลีกเลี่ยงการบังคับใช้คำสั่งห้ามเดินทาง และเพียงรณรงค์ให้ประชาชนอยู่กับบ้านเพื่องดการแพร่เชื้อ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขออกมาเตือนแล้วว่า ถ้ารัฐบาลขืนปล่อยให้พลเมืองหลายล้านคนแห่เดินทางกลับภูมิลำเนาหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอนอาจจะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มทวีคูณอย่างรวดเร็ว
“ผมได้ตัดสินใจแล้วว่า เราจะห้ามการเดินทางกลับบ้าน (mudik)” วิโดโด แถลงต่อคณะรัฐมนตรีวันนี้ (21 เม.ย.) “ดังนั้น จึงต้องมีการตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อม”
วิโดโด อ้างผลสำรวจจากกระทรวงคมนาคมซึ่งพบว่า ประชากร 24% จากทั้งหมด 260 ล้านคนยืนกรานจะ “กลับบ้าน” หลังผ่านพ้นเดือนแห่งการถือศีลอด
ปีที่แล้วมีชาวอิเหนาเดินทางกลับบ้านหลังสิ้นสุดรอมฎอนประมาณ 19.5 ล้านคน และ วิโดโด เผยว่า ปีนี้ก็เริ่มมีคนเดินทางแล้วประมาณ 7%
อินโดนีเซียซึ่งมีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 4 ของโลก มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมไม่ต่ำกว่า 6,760 ราย มากเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์ แต่ก็มีบางหน่วยงานที่ประเมินยอดผู้ติดเชื้อที่แท้จริงเอาไว้สูงกว่านั้นมาก
นักวิจัยจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติอินโดนีเซีย เผยแพร่ผลการศึกษาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเตือนว่า หากรัฐบาลปล่อยให้พลเมืองกลับบ้านในช่วงวันตรุษอีดิลฟิฏรีจะทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมบนเกาะชวาเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านคน ภายในเดือน ก.ค. แต่หากระงับการเดินทางไว้ได้คาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงมาอยู่ที่ 750,000 คน