เอเอฟพี - องค์การอนามัยโลก (WHO) ในวันพุธ (15 เม.ย.) รู้สึกเสียใจที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระงับเงินสนับสนุนหน่วยงานของสหประชาชาติแห่งนี้ โดยอ้างถึงข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการวิกฤตการณ์ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อย่างผิดพลาด
ความเคลื่อนไหวที่สร้างความตกตะลึงของทรัมป์เมื่อวันอังคาร (14 เม.ย.) มีขึ้นในขณะที่ประเทศต่างๆเริ่มทดลองผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีแนวโน้มดีขึ้น แม้ขณะเดียวกันโรคระบาดใหญ่ได้คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 125,000 ศพทั่วโลกและมีผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 2 ล้านคน
“เราเสียใจต่อการตัดสินใจของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ที่สั่งระงับเงินทุนที่มอบแด่องค์การอนามัยโลก” เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าว
เขาบอกว่าองค์การแห่งนี้ซึ่งมีพนักงานราว 7,000 คนทั่วโลก กำลังพิจารณาทบทวนว่าการตัดเงินสนับสนุนของผู้บริจาคเก่าแก่และรายใหญ่ที่สุดของพวกเขาจะส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการต่างๆ ขององค์การอนามัยโลกอย่างไร
“องค์การอนามัยโลกกำลังทบทวนผลกระทบด้านการงานของเราจากการถอนเงินสนับสนุนของสหรัฐฯ และจะทำงานร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ ของเราเพื่อเติมเต็มช่องว่างทางการเงินที่เราเผชิญ และเพื่อรับประกันว่าการงานของเราจะเดินหน้าต่อไปโดยไม่สะดุด”
ทรัมป์ออกคำสั่งระงับเงินสนับสนุนของสหรัฐฯ ระหว่างที่มีการพิจารณาทบทวนบทบาทขององค์การอนามัยโลก ซึ่งเขากล่าวหาว่า “บริหารจัดการผิดพลาดอย่างร้ายแรงและปกปิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่”
ในคำกล่าวหาต่างๆ ของเขา ทรัมป์ระบุว่าโรคระบาดใหญ่นี้สามาถควบคุมได้โดยมีผู้เสียชีวิตแค่เล็กน้อย หากว่าองค์การอนามัยโลกประเมินสถานการณ์ในจีน จุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาดเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ได้อย่างถูกต้อง
ระหว่างแถลงข่าวในวันพุธ (15 เม.ย.) เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกปฏิเสธคำกล่าวที่ว่าองค์กรแห่งนี้ประเมินความรุนแรงของการแพร่ระบาดต่ำเกินไป โดยชี้ทางพวกเขาได้ยกระดับคำเตือนเร่งด่วนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคมแล้ว
ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการโครงการสาธารณสุขฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก บอกว่าเขารู้สึกแปลกๆ ที่ต้องออกมาแก้ต่างเรื่องใดๆ เรื่องหนึ่งท่ามกลางวิกฤต ขณะเดียวกัน เทดรอสย้ำว่า ความเคลื่อนไหวทั้งหลายของหน่วยงานแห่งนี้จะได้รับการประเมินอย่างถี่ถ้วน
“ผลงานขององค์การอนามัยโลกในการรับมือกับโรคระบาดใหญ่นี้จะถูกพิจารณาทบทวนโดยรัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลกและองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อรับประกันความโปร่งใสและความรับผิดชอบ นี่คือส่วนหนึ่งของกระบวนการปกติที่กำหนดโดยรัฐสมาชิกของเรา” เขากล่าว