เอเอฟพี - ปารีสในวันอังคาร (7 เม.ย.) ห้ามวิ่งออกกำลังกายตอนกลางวันหวังกันประชาชนไม่ให้ละเมิดกฎระเบียบมาตรการล็อกดาวน์สู้วิกฤตโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสมรณะในประเทศพุ่งเกิน 10,000 คนแล้ว
นอกจากกรุงปารีสแล้ว เมืองอื่นๆ ก็ออกข้อจำกัดที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเช่นกัน บางส่วนก่อประเด็นถกเถียงในวงกว้าง ในวันเดียวกับที่ เจอโรม โซโลมอน ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขของฝรั่งเศส เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า มีคนเสียชีวิตจากโควิด-19 แล้ว 10,328 รายในฝรั่งเศส นับตั้งแต่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดเข้ามาในประเทศเมื่อวันที่ 1 มีนาคม
ในข้อมูลผู้เสียชีวิตดังกล่าว มีอยู่ 7,091 คนเสียชีวิตตามโรงพยาบาลต่างๆ ในนั้น 597 คนเสียชีวิตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และอีก 3,237 คนเสียชีวิตที่บ้านพักคนชรา จากการเปิดเผยของโซโลมอน พร้อมเตือนว่าโรคระบาดใหญ่ยังคงเดินหน้าไม่หยุด “เราอยู่ในช่วงขาขึ้นของการแพร่ระบาด แม้มันกำลังชะลอตัวลงเล็กน้อย เรายังไม่ถึงจุดพีค”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลบางคนเตือนว่ายังเร็วเกินไปที่จะคิดถึงการยกเลิกคำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม และเบื้องต้นมีกำหนดหมดอายุในวันที่ 15 เมษายน
คริสโตฟ คาสตาแนร์ รัฐมนตรีมหาดไทยเรียกร้องเจ้าหน้าที่เทศบาลท้องถิ่นให้จำกัดความเคลื่อนไหวเข้มงวดขึ้น ถ้ามีความจำเป็น และปารีสได้ดำเนินการสอดรับกับคำร้องขอดังกล่าว ด้วยการห้ามบุคคลหนึ่งบุคคลใดออกไปเล่นกีฬากลางแจ้งตั้งแต่เวลา 10.00 น.จนถึง 19.00 น. เริ่มตั้งแต่วันพุธ (8 เม.ย.) เป็นต้นไป
ภายใต้คำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ประชาชนสามารถออกนอกบ้านได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นจริงๆ ในนั้นรวมถึงเดินเพียงคนเดียวหรือวิ่งออกกำลังกายภายในรัศมีไม่เกิน 1 กิโลเมตรจากบ้านพัก
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางแสงแดดที่อบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ยังพบเห็นคนปารีสรวมตัววิ่งกันเป็นกลุ่ม เดินเล่นและจับกลุ่มกันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ตำรวจยกระดับลาดตระเวนและโรงพยาบาลต่างแออัดไปด้วยผู้ป่วยจนแบกรับภาระไม่ไหว ด้วยเหตุนี้มันจึงนำมาซึ่งมาตรการห้ามวิ่งออกกำลังกาย
ก่อนหน้านี้ ปารีสและเมืองอื่นๆ ได้สั่งปิดสวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ส่วนหนึ่งในมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ โดยบังคับให้ประชาชนต้องแสดงเอกสารให้เหตุผลถึงความจำเป็นที่ต้องออกนอกบ้าน โดยใครก็ตามที่ถูกจับได้โดยไม่มีเอกสารมีสิทธิ์ถูกปรับเงิน เริ่มตั้งแต่ 135 ยูโรขึ้นไป (ราว 4,800 บาท)
นายกเทศมนตรีเมืองมาร์ค-ออง-บาโรล์ ทางเหนือของฝรั่งเศส กำหนดให้การถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ, ไอหรือจามโดยไม่มีสิ่งปิดบังใบหน้า เช่นเดียวกับทิ้งหน้ากากอนามัยหรือถุงมือบนท้องถนน จะถูกปรับเงิน 68 ยูโร (ราว 2,400 บาท) แต่พวกสิทธิมนุษยชนกลุ่มหนึ่งในฝรั่งเศสบอกว่าพวกเขาจะลากนายกเทศมนตรีรายนี้ขึ้นศาล เนื่องจากมองว่ามันเป็นการละเมิดสิทธินุษยชนขั้นพื้นฐาน