รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันดิ่งแรงในวันจันทร์ (6 เม.ย.) หลังซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเลื่อนประชุุมคลี่คลายปัญหาอุปทานล้นตลาดโลกท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ความกังวลต่อไวรัสผลักทองคำพุ่งขึ้น 48 ดอลลาร์ แต่ดาวโจนส์ดีดตัวแรงกว่า 1,600 จุด เหตุพบสัญญาณจากบางประเทศว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดอาจกำลังดีขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 2.26 ดอลลาร์ ปิดที่ 26.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดที่ 33.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันฟื้นตัวกว่า 35% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังแหล่งข่าวในโอเปกและพันธมิตร ในนั้นรวมถึงรัสเซีย เผยว่า พวกเขาใกล้บรรลุข้อตกลงลดกำลังผลิตเพื่อบรรเทาภาวะอุปทานล้นตลาด แม้พวกเขาบอกด้วยว่าต้องการเห็นสหรัฐฯและชาติผู้ผลิตอื่นๆ เข้าร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันกลับมาดิ่งลงอีกรอบ หลังจากการประชุมโอเปก+ ซึ่งเดิมทีกำหนดไว้ในวันจันทร์ (6 เม.ย.) ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันพหัสบดี (9 เม.ย.) ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตอบโต้กันไปมาระหว่างรัสเซีย กับ ซาอุดีอาระเบีย เกี่ยวกับเหตุพังครืนลงของการเจรจาขยายข้อตกลงลดกำลังผลิตที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน
อุปสงค์ทางพลังงานลดลงราว 30% ทั่วโลก สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่เหล่าชาติผู้ผลิตทั้งหลายก็ป้อนน้ำมันเข้าสู่ตลาดจนล้นทะลักเกินความต้องการ
ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์ (6 เม.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี ความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 สนับสนุนให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 48.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,693.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่ง สถานการณ์ที่ดีขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งก่อความหลังว่าวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 กำลังคลี่คลาย ได้ผลักให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (6 เม.ย.) ทะยานอย่างแรง
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1672.46 จุด (7.73 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 22,679.99 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 175.03 จุด (7.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,663.68 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 540.16 จุด (7.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,913.24 จุด
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจอโรม อดัมส์ ศัลยแพทย์ใหญ่แห่งสหรัฐฯ เตือนว่า สัปดาห์นี้ จะเป็นสัปดาห์ที่สาหัสและน่าเศร้าอย่างที่สุดของชีวิตอเมริกันชนส่วนใหญ่ แต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้สุ้มเสียงที่ต่างออกไปในวันจันทร์ (6 เม.ย.) โดยทวีตว่า “มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์!”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความคึกคักแก่นักลงทุน เช่นเดียวกับข่าวอัตราการเสียชีวิตที่ลดลงทั้งในอิตาลี, สเปน, ฝรั่งเศส และเยอรมนี