รอยเตอร์ - สเปนแซงหน้าอิตาลีชั่วคราวเป็นครั้งแรกในวันศุกร์ (3 เม.ย.) สำหรับยอดรวมผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แต่จำนวนผู้เสียชีวิตช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ลดลงจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้ มอบความหวังเล็กๆ น้อยๆ แก่เจ้าหน้าที่
ในขณะที่อิตาลียังไม่รายงานข้อมูลของวันศุกร์ (3 เม.ย.) ยอดรวมผู้ติดเชื้อในสเปนเพิ่มเป็น 117,710 คน ส่งผลให้พวกเขากลายเป็นชาติที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ ส่วนยอดรวมผู้เสียชีวิตในสเปนอยู่ที่ 10,935 คน เป็นรองอิตาลี (13,915 คน) เพียงชาติเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในแง่ดี ในวันศุกร์ (3 เม.ย.) ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันของสเปนลดลงจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้ โดยลดลงจาก 950 คน เหลือ 932 คน
“อัตราการเพิ่มขึ้นของเคสผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ คือ 7% ซึ่งยืนยันแนวโน้มที่ลดลงตามที่เราสังเกตเห็น” มาเรีย โฮเซ รัลโล รองหัวหน้าฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินของกระทรวงสาธารณสุข ระบุ พร้อมชี้ว่า มันลดลงจากระดับ 20% ของเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน
นายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชซ กำหนดมาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป โดยอนุญาตให้เฉพาะพนักงานในภาคที่มีความจำเป็น อาทิ คนงานด้านสาธารณสุขเท่านั้น ที่สามารถเดินทางไปกลับจากที่ทำงานตามปกติ พร้อมกับสั่งปิดร้านอาหาร, บาร์ และ ร้านค้าต่างๆ รวมถึงห้ามการรวมกลุ่มของประชาชน
ชาวสเปนอยู่ภายใต้มาตรการกักตัวเองอยู่ในบ้านพักมาตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม โดยกรอบเวลาเดิม 15 วัน จะหมดอายุลงในวันที่ 12 เมษายน และตอนนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาขยายคำสั่งล็อกดาวน์ออกไปเป็นครั้งที่ 2
ด้วยร่างไร้วิญญาณของผู้เสียชีวิตล้นสถานที่เก็บศพ ทำให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องจัดทำสถานที่เก็บศพชั่วคราวแห่งที่ 3 บริเวณลานน้ำแข็งแห่งหนึ่งใกล้กรุงมาดริดในวันศุกร์ (3 เม.ย.)
ขณะเดียวกัน ทหารและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็ช่วยกันตั้งโรงพยาบาลฉุกเฉินในวันศุกร์ (3 เม.ย.) ที่ศูนย์กีฬาแห่งหนึ่งในเมืองซาบาเดลล์ แคว้นกาตาลุญญา หลังจากก่อนหน้านี้ ทางรัฐบาลได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามเหล่านี้มาแล้วกว่า 10 แห่งทั่วประเทศ เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19
จากข้อมูลพบว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้น มีอยู่ถึง 4,400 คน ที่เสียชีวิตในมาดริด ในนั้นจำนวนมากเสียชีวิตตามบ้านพักคนชราทั้งหลาย