เอเจนซีส์ - โทชิมิซึ โมเทกิ รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น ระบุในวันอังคาร (24 มี.ค.) ว่าญี่ปุ่นเตรียมจะห้ามชาวต่างชาติจาก 18 ประเทศในยุโรปรวมถึงอิหร่าน ไม่ให้เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
มาตรการนี้นับว่าเป็นมาตรการควบคุมพรมแดนที่เข้มงวดที่สุดของญี่ปุ่น ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 15,000 รายทั่วโลก รวมถึงเป็นภัยคุกคามที่ทำให้โลกเข้าสู่สภาวะถดถอย และส่งผลต่อการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ญี่ปุ่น
โมเทกิ ยังบอกด้วยว่า ญี่ปุ่นจะขยายเวลาการระงับวีซาของพลเมืองจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งเดิมทีมีเส้นตายในวันที่ 31 มีนาคม เนื่องจากไวรัสโคโรนายังคงเป็นภัยคุกคามอยู่ในขณะนี้
คนจากประเทศที่ถูกห้ามไม่ให้เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย อันดอร์รา ออสเตรีย เบลเยียม เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี อิหร่าน ลิกเตนสไตน์ ลักเซมเบิร์ก มอลตา โมนาโก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สโลเวเนีย สเปน สวิตเซอร์แลนด์ วาติกัน
ชาวต่างชาติที่เคยเดินทางไปประเทศเหล่านี้ ในช่วงเวลา 14 วันก่อนมาถึงญี่ปุ่น จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ ต้องเดินทางออกจากญี่ปุ่นทันที มาตรการนี้กำลังจะได้รับการอนุมัติในอีกไม่นาน ออกโดยทีมพิเศษเฉพาะกิจของรัฐบาล ที่มีนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ เป็นประธาน ตามการเปิดเผยของแหล่งข่าว
เมื่อวันจันทร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นเพิ่งออกคำเตือนไปยังประเทศเหล่านี้ พร้อมยกระดับคำแนะนำในการเดินทางเป็นระดับ 3 ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่การห้ามเข้าประเทศ
ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ปิดประตูไม่ต้อนรับคนจากบางพื้นที่ของอิตาลี สเปน สวิตเซอร์แลนด์ และอิหร่านไปแล้ว รวมถึงไอซ์แลนด์ ซานมาริโน กับอีกหลายพื้นที่ในจีนและเกาหลีใต้
สำหรับเรื่องระงับวีซาชาวจีนและเกาหลีใต้ โมเทกิบอกว่า จะยังบังคับใช้มาตรการดังกล่าวไปต่อไปอีก เว้นแต่ไวรัสโคโรนาจะหายไปจากโลกในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง
ญี่ปุ่นเริ่มระงับวีซาพลเมืองจากทั้งสองชาติ รวมถึงชาวฮ่องกงและมาเก๊า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พร้อมทั้งขอให้ผู้ที่เคยเดินทางไป 2 ประเทศดังกล่าว ทำการกักตัวเองเป็นเวลา 14 วันเมื่อเดินทางมาถึงญี่ปุ่น
การตัดสินใจดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งต้องพึ่งพิงนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านอยู่ไม่น้อย แถมยังโดนต่อว่าจากเกาหลีใต้ ที่บอกว่าเป็นมาตรการที่ไร้หลักการและไม่ยุติธรรม พร้อมออกมาตรการตอบโต้กลับในลักษณะคล้ายกัน