เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ในวันพฤหัสบดี (19 มี.ค.) ร้องขอประชากรทั้งประเทศ 1,300 คน ปฏิบัติตามประกาศเคอร์ฟิว 1 วัน ในมาตรการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เช่นเดียวกับคำสั่งแบนเที่ยวบินขาเข้าของเที่ยวบินระหว่างประเทศ
โมดี กล่าวปราศรัยถึงประชาชนทั่วประเทศ ว่า เคอร์ฟิวซึ่งมีกำหนดบังคับใช้ในวันอาทิตย์ (22 มี.ค.) นับตั้งแต่เวลา 07.00-21.00น. จะทดสอบศักยภาพของประเทศในการใช้มาตรการอันเข้มข้นต่อสู้กับสิ่งที่เขาเรียกว่า “วิกฤตที่กำลังเติบโตขึ้น”
“มาตรการนี้ถ้าทุกคนปฏิบัติตามจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ และยังเป็นการเตรียมพร้อมของเราสำหรับความท้าทายต่างๆ ในอนาคต” เขากล่าว
จนถึงวันพฤหัสบดี (19 มี.ค.) ตัวเลขผู้ติดเชือในอินเดียอยู่ที่ 197 คน ในนั้นเสียชีวิต 4 ราย แต่ประชาชนเริ่มมีความหวาดวิตกมากขึ้นเรื่อยๆ พากันไหลบ่ากันไปกักตุนสินค้าและข้าวของที่จำเป็นตามห้างร้านต่างๆ
โมดี บอกว่า คนส่วนใหญ่ ยกเว้นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานบริการที่จำเป็น จะต้องอยู่ที่บ้านเป็นเวลาหลายสัปดาห์ แต่ไม่ได้ระบุถึงกรอบเวลา “ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณจะไม่ได้รับผลกระทบหรือติดเชื้อ คุณคิดผิด” นายกรัฐมนตรี ระบุ “คุณจะเป็นอันตรายต่อครอบครัวและชุมชนของคุณเอง ผมร้องขอให้พลเมืองทุกคนอยู่แต่ที่บ้านในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า”
“อินเดียต้องต่อสู้เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทุขึ้นของยอดผู้เสียชีวิต ดังที่เห็นได้ในประเทศอื่นๆ” เขากล่าว พร้อมเรียกร้องให้พลเมืองที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี ให้อยู่แต่ในบ้านตามคำแนะนำ
คำแถลงที่ใช้เวลา 29 นาที มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรัฐบาลบอกว่าจะไม่อนุญาตให้เที่ยวบินระหว่างประเทศทุกเที่ยวบินลงจอดในอินเดียเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ (22 มี.ค.) เป็นต้นไป
นอกจากนี้แล้ว ทางรัฐบาลยังสั่งให้รัฐต่างๆ กดดันบริษัทเอกชนและหน่วยงานราชการอนุญาตให้พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ทำงานจากที่บ้าน
ก่อนหน้านี้ อินเดียได้ระงับออกวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด แต่ห้ามเที่ยวบินโดยสารเฉพาะเที่ยวที่มาจากประเทศยุโรปที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายเท่านั้น ส่วนนักเดินทางจากประเทศอื่นๆ ต้องอยยู่ภายใต้มาตรการกักกันโรคเป็นเวลา 14 วัน หลังจากเดินทางเข้าสู่อินเดีย
โรงเรียนทั้งหมดและสถานบันเทิง ในนั้นรวมถึงโรงภาพยนตร์ถูกปิดทั้งหมดทั่วอินเดีย ชาติที่มีประชากรมากสุดอันดับ 2 ของโลก ส่วน ทัชมาฮาล ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของประเทศก็ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแล้วเช่นกัน