เอเอฟพี - ท่ามกลางกระแสความตื่นตระหนก ได้บังเกิดข่าวที่สร้างขวัญกำลังใจแก่ทุกคน เมื่อสื่อมวลชนแห่งรัฐอิหร่าน รายงานเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ว่า หญิงชราวัย 103 รายหนึ่งหายป่วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังเธอติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แม้พบหลักฐานอย่างหนักแน่นว่าผู้สูงวัยเป็นกลุ่มเสี่ยงจากโรคร้ายนี้มากที่สุด
สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอรายงานเมื่อช่วงค่ำวันอังคาร (17 มี.ค.) ว่า หญิงชราซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อรายหนึ่ง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองเซมนาน ทางภาคกลางของประเทศ มาเป็นเวลาราวๆ 1 สัปดาห์ “แต่เธอได้รับอนุญาตให้กลับบ้านแล้ว หลังฟื้นไข้โดยสมบูรณ์” จากการเปิดเผยของ นาวิด ดานายี ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เซมนาน
หญิงชรารายนี้ถือเป็นคนสูงวัยรายที่ 2 ในอิหร่านที่รอดชีวิตแม้ติดเชื้อโควิด-19 โดยอีกคนเป็นชายวัย 91 ปี จากเมืองเคอร์มาน ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ
ไออาร์เอ็นเอรายงานว่า หลังชายชรารายนี้ล้มป่วยได้ 3 วัน เขาพื้นไข้เมื่อวันจันทร์ (16 มี.ค.) ที่ผ่านมา แม้มีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว ทั้งความดันโลหิตสูงและโรคหอบหืด
อย่างไรก็ตาม ในรายงานข่าวไม่ได้ระบุว่าทั้งสองคนได้รับการรักษาด้วยวิธีการใด
นับตั้งแต่อิหร่านยืนยันพบผู้เสียชีวิตรายแรกเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เวลานี้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้แพร่ระบาดไปครบ 31 จังหวัดทั่วประเทศแล้ว โดยจนถึงวันพฤหัสบดี (19 มี.ค.) ยอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 18,407 ราย และเสียชีวิต 1,284 คน
ผู้สูงวัยเป็นกลุ่มคนที่อ่อนแอที่สุดต่อไวรัสโควิด-19 ซึ่งอุบัติขึ้นในจีนเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว
องค์การอนามัยโลกคาดการณ์เมื่อช่วงต้นเดือนว่า โควิด-19 คร่าชีวิตผู้ติดเชื้อคิดเป็น 3.4% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด แต่สำหรับคนชราที่มีอายุมากกว่า 80 ปี อัตราเสียชีวิตสูงถึง 21.9%