รอยเตอร์ - ชาวมาเลเซียหลายพันคน จำนวนมากหิ้วกระเป๋าสัมภาระอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้า ข้ามชายแดนเข้าสู่สิงคโปร์ในช่วงเย็นวันอังคาร(17มี.ค.) เตรียมพร้อมสำหรับจากบ้านเกิดเมืองนอนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่มาตรการปิดชายแดนจะมีผลบังคับใช้
ด้วยที่กลายเป็นประเทศที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาเลเซียมีกำหนดห้ามพลเมืองเดินทางออกไปยังต่างแดนและห้ามผู้มาเยือนจากต่างแดนเดินทางเข้าประเทศ นับตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม เพื่อช่วยยับยั้งการแพร่ระบาด
ทั้งนี้มีชาวมาเลเซียกว่า 300,000 คนที่เดินทางเข้าออกไปทำงานในสิงคโปร์ในแต่ละวัน และคำแถลงเมื่อคืนวันจันทร์(16มี.ค.) อาจทำให้พวกเขาต้องใช้ชีวิตปราศจากค่าจ้างเป็นเวลานานจากมาตรการปิดประเทศดังกล่าว
เหลา ตง หลิน วัย 21 ปี เปิดเผยว่าเขามีแผนไปขอพักอาศัยกับลูกพี่ลูกน้องในสิงคโปร์ "ถ้าผมไม่มา ผมอาจจำเป็นต้องลาโดยไม่ได้รับค่าจ้าง และยิ่งไปกว่านั้นผมกลัวตกงาน"
สิงคโปร์ ประเทศที่มีพลเมือง 5.7 ล้านคน ต้องพึ่งพิงชาวมาเลเซียจากรัฐยะโฮร์เป็นอย่างมาก สำหรับเป็นบุคลากรในธุรกิจต่างๆนานา ไล่ตั้งแต่ร้านอาหารไปจนถึงฝ่ายผลิตเซมิคอนดัคเตอร์
รัฐบาลสิงคโปร์บอกว่าจะช่วยเหลือบริษัทต่างๆที่จำเป็นต้องจัดเตรียมที่พักอาศัยให้แก่แรงงานมาเลเซีย ในนั้นรวมถึงหาโรงเรียนหรือหอพักราคาถูกให้พวกเขา
กระทรวงแรงงานระบุว่าจะสนับสนุนเงิน 50 ดอลลาร์สิงคโปร์(ราว 1,100บาท)ต่อคืนเป็นเวลา 14 คืนสำหรับแรงงานแต่ละคนที่บริษัทหนึ่งๆต้องอำนวยความสะดวกให้
แม้มีคำสั่งแบน มูห์ยิดดิน ยาสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้คำรับประกันว่า ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ว่าการขนส่งสินค้าและวัตถุดิบประกอบอาหารจะเป็นไปตามปกติ หลังก่อนหน้านี้เกิดความกังวลว่าสิงคโปร์ อาจเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร หลังรัฐบาลมาเลเซียมีคำสั่งปิดประเทศ
สิงคโปร์ในวันอังคาร(17มี.ค.) รายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มเติมอีก 23 คน ถือเป็นวันที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดนับตั้งแต่พบการแพร่ระบาด ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อตอนนี้เพิ่มเป็น 266 คน