เตรียมล็อกดาวน์ทั้งยุโรปรับมือไวรัส ฟิลิปปินส์สั่งปิดตลาดหุ้นไม่มีกำหนด

เอเจนซีส์ - ผู้นำยุโรปเตรียมออกคำสั่งแบนการเดินทางที่ไม่จำเป็นทั่วทวีปในวันอังคาร (17 มี.ค.) ขณะที่มาเลเซียและ ฟิลิปปินส์ ประกาศปิดประเทศตั้งแต่วันจันทร์ (16 มี.ค.) นอกจากนั้น มะนิลายังเป็นประเทศแรกที่สั่งปิดตลาดหุ้นไม่มีกำหนด ท่ามกลางสถานการณ์ราคาหุ้นทั่วโลกดิ่งเหว แม้หลายชาติประกาศลดดอกเบี้ยและอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นก็ตาม

หลังจากไวรัสโคโรนาอุบัติขึ้นในเมืองอู่ฮั่นของจีนเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ขณะนี้ยุโรปได้กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่ของไวรัสโคโรนาอย่างเต็มตัว ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในประเทศต่างๆ แซงหน้าแดนมังกรเป็นที่เรียบร้อย

อิตาลี ประเทศที่สะบักสะบอมที่สุดในยุโรป ประกาศยอดผู้เสียชีวิตรวมล่าสุดทะลุ 2,000 คน จากยอดรวมทั่วโลกกว่า 7,000 คน ส่วนผู้ติดเชื้อทั่วโลกมีมากกว่า 175,530 คน ใน 145 ประเทศ

เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ที่ระบุว่า การต่อสู้กับโควิด-19 เป็น “สงคราม” ได้สั่งให้ประชาชนกักตัวเองอยู่ในบ้านนาน 15 วัน เริ่มตั้งแต่เที่ยงวันอังคาร รวมทั้งห้ามการเดินทางหรือการติดต่อที่ไม่จำเป็น โดยเตือนว่าผู้ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

ขณะเดียวกัน แม้หลายประเทศในยุโรปปิดพรมแดนแล้ว แต่ เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เผยว่า จะขอให้ผู้นำประเทศในเขตเชงเกน ห้ามการเดินทางจากภายนอกเข้าสู่ภายในเขต ซึ่งครอบคลุม 26 ชาติในยุโรปที่มีข้อตกลงอนุญาตให้เดินทางระหว่างกันโดยไม่ต้องถือหนังสือเดินทาง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ มาครงยังแถลงว่า จะมีการห้ามการเดินทางระหว่างประเทศที่ไม่ได้อยู่ในยุโรปและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) นาน 30 วัน

มาตรการนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งแบนการเดินทางจากยุโรปเข้าสู่อเมริกา เพื่อต่อสู้กับไวรัสโคโรนาที่คาดว่า จะระบาดอีกนานหลายเดือน

ทรัมป์ยังขอให้ชาวอเมริกันจำกัดการอยู่รวมกันไม่เกิน 10 คน ขณะที่ถนนในนิวยอร์กและกรุงวอชิงตันเกือบเรียกได้ว่าว่างเปล่า เขายังยอมรับด้วยว่า อเมริกาอาจกำลังมุ่งหน้าสู่ภาวะถดถอยจากไวรัส ขณะที่ผู้นำ จี7 ประกาศร่วมกันรับมือโรคระบาดใหญ่นี้อย่างเต็มที่โดยจะใช้เครื่องมือเชิงนโยบายทั้งหมดที่มี

ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมทุกแขนงตั้งแต่ท่องเที่ยวจนถึงอาหารและการบินล้วนได้รับผลกระทบ ผู้ผลิตรถยนต์ของยุโรป ซึ่งรวมถึงเฟียต ไครสเลอร์ และเปอโยต์ เริ่มปิดโรงงาน ขณะที่สายการบินชั้นนำของโลกยกเลิกเที่ยวบินเกือบทั้งหมดชั่วคราว

ขณะเดียวกัน มาตรการฉุกเฉินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น ไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ ส่งผลให้วอลล์สตรีทร่วงเกือบ 13% ในวันจันทร์ ฉุดตลาดหุ้นเอเชียผันผวนต่อในวันอังคาร

อย่างไรก็ตาม เริ่มมีข่าวดีปรากฏขึ้น โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ เผยว่า ได้เริ่มทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 กับคนเป็นครั้งแรกแล้ว แม้ต้องรออีกอย่างน้อย 1 ปี จึงจะสามารถนำมาใช้ได้ก็ตาม

อีกหนึ่งข่าวดีคือ จีนพบผู้ติดเชื้อใหม่ภายในประเทศเพียงคนเดียวในวันอังคาร แต่ผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศมีจำนวน 20 คน

เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (ฮู) เรียกร้องให้มีการตรวจผู้สงสัยติดเชื้อโควิด-19 ทุกรายเพื่อให้สามารถจัดการกับการระบาดอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจทำให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว

ขณะนี้มีเพียงไม่กี่ประเทศที่รอดพ้นจากเงื้อมมือไวรัสโคโรนา แม้ว่าหลายชาติบังคับใช้กฎเหล็ก เช่น อังกฤษ เรียกร้องให้ยุติการติดต่อและการเดินทางที่ไม่จำเป็นทั้งหมด สวิตเซอร์แลนด์ ประกาศภาวะฉุกเฉิน เยอรมนี ห้ามการชุมนุมในโบสถ์ มัสยิด และเตรียมปิดสนามเด็กเล่นและร้านค้าที่ไม่จำเป็น

ประชาชนหลายสิบล้านคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับคำสั่งให้กักบริเวณอยู่ภายในบ้าน โดยมาเลเซียและฟิลิปปินส์ ประกาศล็อกดาวน์ในวันจันทร์

แดนตากาล็อกยังเป็นประเทศแรกที่สั่งปิดตลาดหุ้นไม่มีกำหนด เพื่อรับมือการระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งแม้ทางการอ้างเหตุผลด้านความปลอดภัยของเทรดเดอร์ แต่ด้วยสภาพตลาดหุ้นที่ทรุดดิ่งทั่วโลก อาจทำให้ประเทศอื่นๆ เดินตามรอยปิดตลาดหุ้นในไม่ช้า ถ้าราคายังไม่ดีดกลับ

อินเดีย ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับ 2 ของโลก ปิดทัชมาฮาลเมื่อวันอังคาร เพิ่มเติมจากมาตรการปิดสถานศึกษาและสถานบันเทิงส่วนใหญ่

ชิลีและเปรูปิดพรมแดน ส่วนแคนาดางดต้อนรับต่างชาติ ยกเว้นอเมริกา ส่วนเวเนซุเอลาส่งกองกำลังความมั่นคงบังคับใช้มาตรการกักกันรวมในกรุงคารากัส

นอกจากนั้น ยังมีคำถามว่า ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป ที่เตรียมจัดใน 12 ประเทศ ในช่วงฤดูร้อนนี้ รวมทั้งโอลิมปิกในญี่ปุ่นจะเดินหน้าตามแผนหรือไม่ ขณะที่ไวรัสระบาดหนักทั่วโลกและทำให้ปฏิทินการแข่งขันรวนไปหมด