เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - วันนี้ (17 มี.ค.) ปักกิ่งแถลงพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มพัยงแค่ 1 รายเท่านั้น ที่เมืองอู่ฮั่น และมีผู้ติดเชื้อมาจากต่างประเทศเพิ่มกว่า 20 คน ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.) สถาบันวิจัยไกเซอร์ เพอร์มาเนนเต วอชิงตัน เริ่มทดสอบวัคซีนโควิด-19 ให้กับผู้ป่วยติดเชื้อรายแรก
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (17 มี.ค.) ว่า การติดเชื้อรายใหม่แค่รายเดียวในประเทศจีนเกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ศูนย
กลางการระบาด ส่งผลทำให้เกิดความเชื่อว่าการใช้มาตรการปิดของจีนทั้งหมดนั้นได้ผล จากการที่เจ้าหน้าที่ออกคำสั่งให้เมืองอู่ฮั่นและพลเมือง 11 ล้านคน อยู่ภายใต้คำสั่งกักกันโรคเมื่อวันที่ 23 ม.ค และไม่กี่วันหลังจากนั้นทั้งมณฑลถูกสั่งปิดตาย
ทางเจ้าหน้าที่ปักกิ่งยังคงเข้มงวดในมาตรการจำกัดภายในเมืองต่อไปจนถึงวันที่ 11 ก.พ. ห้ามประชาชนออกนอกบ้านระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่ยังคงต้องพบเผชิญหน้ากับการเพิ่มของจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันไม่ต่ำกว่า 1,000 คน เป็นความเคลื่อนไหวที่ทางเจ้าหน้าที่จีน ชี้ว่า เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดได้สำเร็จ
ทั้งนี้ เริ่มมาตั้งแต่วันจันทร์ (16) ที่ทางรัฐบาลปักกิ่งออกคำสั่งให้ชาวต่างชาติเกือบทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศต้องทำการกักกันโรคตามโรงแรมที่จัดไว้เป็นเวลา 14 วัน
ส่วนผู้ที่เดินทางมาตามลำพัง ผู้เยาว์ ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ และคนที่ยังไม่แสดงอาการอนุญาตให้สามารถกักกันโรคที่บ้านได้ ทางเมืองเซียงไฮ้ออกคำสั่งวันนี้ (17) สั่งกักกันโรคนักท่องเที่ยวจาก 16 ชาติรวม สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และไม่กี่ชาติในยุโรป แต่ยังเปิดช่องให้สามารถเลือกได้ว่าจะทำการกักตัวที่บ้านพักหรือตามสถานที่จัดไว้
มีผู้ติดเชื้อใหม่ 9 คน จากทั้งหมด 20 คน ที่ติดเชื้อจากต่างประเทศถูกพบที่กรุงปักกิ่ง และอีก 3 ราย ถูกพบในเมืองเซียงไฮ้ ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 จากต่างประเทศรวมทั้งหมด 143 ราย ในปัจจุบัน อ้างอิงจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (National Health Commission)
นอกจากนี้ จีนยังได้รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 13 ราย ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 3,226 คน และมีจำนวนสถิติผู้ติดเชื้อทั้งหมด 80,881 คน แต่มีจำนวนไม่ถึง 9,000 คนที่ยังคงติดเชื้อ
ขณะเดียวกัน ที่โรคโควิด-19 ยังคงระบาดอย่างหนักทั่วโลก ล่าสุด สหรัฐฯได้เริ่มต้นทำการทดสอบวัคซีนไวรัสโคโรนากับผู้ป่วยรายแรกแล้วในวันจันทร์ (16) โดยเป็นการทดสอบในขั้นทดลองเกิดขึ้นที่สถาบันวิจัยไกเซอร์ เพอร์มาเนนเต วอชิงตัน (Kaiser Permanente Washington Research Institute) เมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน
แต่กระนั้นมีเสียงเตือนออกมาว่า ถึงแม้ว่าการวิจัยจะสามารถเดินหน้าไปด้วยดี แต่วัคซีนจะยังคงไม่พร้อมสำหรับการกระจายไปทั่วโลกในอีก 12 เดือน ถึง 18 เดือนข้างหน้า
อัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ รายงานว่า นักข่าวเอพีได้เข้าร่วมเป็นพยานการทดสอบวัคซีนต้านโควิด-19 ที่สถาบันวิจัยแห่งนี้ โดยผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนขั้นทดลอง เจนนิเฟอร์ ฮอลเลอร์ (Jennifer Haller) วัย 43 ปี ผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการของบริษัทไฮเทคขนาดเล็กแห่งหนึ่งในเมืองซีแอตเติลได้รับโอกาสครั้งสำคัญ โดยเธอมีความรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก
ฮอลเลอร์ กล่าวแสดงความรู้สึกว่า “พวกเราทั้งหมดต่างสิ้นหวัง นี่ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของดิฉันที่จะทำบางสิ่ง” ซึ่งฮอลเลอร์ที่เป็นคุณแม่ลูกสองที่ยังคงเป็นวัยรุ่น กล่าวว่า ลูกๆ ของเธอรู้สึกตื่นเต้นที่แม่ของเด็กเหล่านี้มีส่วนร่วมในการวิจัย
การทดสอบวัคซีนในวันจันทร์ (16) ถือเป็นก้าวสำคัญของการเริ่มต้นทดสอบสำหรับผู้ติดเชื้อที่ต้องการพิสูจน์ว่าวัคซีนต้านไวรัสโคโรนานี้ได้ผลและปลอดภัยหรือไม่ แต่ทว่าถึงแม้การศึกษาจะดำเนินไปด้วยดีแต่ไม่คาดว่าจะสมารถมีวัคซีนออกมาใช้ทั่วโลกได้ทันในอีก 12 เดือน ถึง 18 เดือนข้างหน้า ดร.แอนโธนี ฟอซี (Dr.Anthony Fauci) ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แห่งชาติสหรัฐฯ NIH (US National Institutes of Health)
แต่การทดลองวัคซีนยังถือว่ามีความสำคัญหากไวรัสโคโรนาเป็นภัยในระยะยาว ซึ่งวัคซีนต้านโควิด-19 มีชื่อเป็นทางการ คือ วัคซีน mRNA-1273 ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย NIH และ โมเดอร์รนา อิงก์ (Moderna Inc) บริษัท ไบโอเทคโนโลยี ที่มีฐานอยู่ในรัฐแมสซาชูเซตส์
อัลญะซีเราะฮ์ ชี้ว่า ไม่มีความเป็นไปได้ที่ผู้ป่วยเข้ารับวัคซีน mRNA-1273 จะติดเชื้อจากตัววัคซีนเป็นเพราะไม่มีเชื้อไวรัสอยู่ด้านใน การออกมาทดสอบครั้งแรกของสหรัฐฯเกิดขึ้นหลังผู้อำนวยการอนามัยโลก WHO เทดรอส อดานอม เกเบรเยซัส ออกมาเรียกร้องให้ทั่วโลกเร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อในวันจันทร์ (16)
โดยเขากล่าวว่า “เรามีแค่สารเดียวที่จะส่งให้ทุกประเทศ คือ ทดสอบ ทดสอบ ทดสอบ” และกล่าวต่อว่า “ทุกประเทศสมควรที่ต้องตรวจเคสต้องสงสัยทุกเคส คนเหล่านี้ไม่สามารถสู้กับการระบาดระดับโลกโดยที่ปิดตาไว้”