เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ในวันพฤหัสบดี(12มี.ค.) แถลงแผนต่างๆสำหรับระงับการขนส่งทุกประเภทเข้าและออกจากกรุงมะนิลา รวมถึงมาตรการกักกันโรค เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19)
ในถ้อยแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ดูเตอร์เตยังอนุมัติปิดสถาบันการศึกษาเป็นเวลา 1 เดือน ห้ามการรวมตัวของคนหมู่มาก กักกันโรคระดับชุมชนและขู่ลงโทษจำคุกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นซึ่งขัดขืนคำสั่งของรัฐบาล
ประธานาธิบดีรายนี้ซึ่งได้เข้ารับการตรวจโรคในวันพฤหัสบดี(12มี.ค.) ในความเป็นไปได้ที่อาจติดเชื้อเสียเอง ระบุด้วยว่ามาตรการต่างๆนั้นจะรวมถึงห้ามพลเมืองต่างชาติจากดินแดนที่ไวรัสกำลังระบาดอย่างหนักเดินทางเข้าฟิลิปปินส์
ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ที่ทุกมาตรการจะมีผลบังคับใช้ แต่ดูเตอร์เตบอกว่ามาตรการปิดกั้นการสัญจรชั่วคราว ทั้งทางบก,ทะเลและทางอากาศ เข้าและออกจากเมืองหลวง จะเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์(15มี.ค.) เป็นต้นไป "มันคือการปิดตาย" ประธานาธิบดีกล่าว
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในฟิลิปปินส์ถือว่าค่อนข้างน้อยหากเปรียบเทียบกับจุดล่อแหลมอื่นๆอย่างเช่นจีนและอิตาลี โดยจำนวนผู้ติดเชื้อได้เพิ่มขึ้นจาก 24 คน เป็น 52 คนนับตั้งแต่วันจันทร์(9มี.ค.)
นอกจากนี้แล้วในฟิลิปปินส์ ยังพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 5 คน โดย 1 ในนั้นเป็นนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น ศูนย์กลางของโรคระบาด
อย่างไรก็ตาม ดูเตอร์เต ต้องเผชิญแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่และประชาชนให้งมือสกัดกั้นไวรัส ในขณะที่ประเทศแห่งนี้มีระบบสาธารณสุขที่อ่อนแอและคนยากจนหลายล้านคนพักอาศัยอยู่ตามชุมชนแออัดและตามสลัมที่เต็มไปด้วยความสกปรก
ความกังวลใหญ่หลวงของมะนิลาก็คือเมืองหลวงแห่งนี้เต็มไปด้วยสลัมที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน พื้นที่โล่งมีจำกัดและการจราจรติดขัดอย่างหนัก
กรุงมะนิลามีจำนวนประชากรอย่างเป็นทางการเกือบ 13 ล้านคน แต่ตัวเลขที่แท้จริงเชื่อว่าสูงกว่านี้มาก เนื่องจากคนเข้าเมืองที่ไม่มีการตรวจสอบและผู้เข้ามาพักอาศัยอย่างไม่เป็นทางการอีกหลายล้านคน
ดูเตอร์บอกว่ามาตรการต่างๆเหล่านี้ "อาจก่อความสับสนและความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่หวังว่าประชาชนจะเข้าใจ "มันร้ายแรง มันเป็นของจริง อย่าฆ่าตัวตายเพราะความกังวล เพราะว่ารัฐบาลกำลังทำทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่างน้อยๆก็เพื่อควบคุมมัน"