เอเจนซีส์ - อิตาลีล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันอังคาร (10 มี.ค.) เพื่อจัดการไวรัสโคโรนาที่ระบาดอย่างหนัก ตรงข้ามกับจีนที่มีความคืบหน้าชัดเจนมากขึ้นทุกวัน โดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เดินทางไปเยี่ยมอู่ฮั่น วันเดียวกับที่มีการปิดโรงพยาบาลชั่วคราวทั้งหมด และผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางในหูเป่ย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 19 คน
องค์การอนามัยโลก (ฮู) เตือนว่า มีความเสี่ยง “ที่เป็นจริงอย่างยิ่ง” ที่ไวรัสโคโรนาจะเกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลก (pandemic) กระนั้น เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการฮู สำทับว่า กระทั่งถ้าหากเราต้องเรียกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นการระบาดใหญ่แล้ว แต่เราก็ยังสามารถที่จะจำกัดวงและควบคุมมันได้ โดยไม่ยอมแพ้ต่อไวรัสไวรัสมรณะนี้ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 4,000 คน
ขณะที่สถานการณ์ของจีนยังคงดีขึ้นเรื่อยๆ ในวันอังคาร (10) ประธานาธิบดี สี เดินทางไปเมืองอู่ฮั่นเป็นครั้งแรกนับจากที่ไวรัสโควิด-19 อุบัติขึ้นในเมืองนี้เป็นที่แรกเมื่อสิ้นปีที่แล้ว
การเยือนของประมุขแดนมังกร ยังมีขึ้นขณะที่มาตรการปิดเมืองอย่างเข้มงวดชนิดที่ไม่เคยมีการใช้กันที่ไหนมาก่อน โดยห้ามการเดินทางเคลื่อนย้ายในอู่ฮั่นและเมืองอื่นๆ ของมณฑลหูเป่ย เพื่อสกัดการระบาดให้อยู่หมัดนั้น ส่งผลบวกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยในวันอังคารจีน รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 17 คน และผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 19 คน ต่ำที่สุดนับจากเริ่มรายงานตัวเลขประจำวันกันเมื่อปลายเดือนมกราคม รวมทั้งยังเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันที่ไม่พบเคสใหม่ที่เป็นการติดต่อภายในประเทศ นอกเขตมณฑลหูเป่ย
แม้เมืองอู่ฮั่นที่มีประชากร 56 ล้านคน ยังอยู่ภายใต้มาตรการกักกัน แต่จีนค่อยๆ ผ่อนคลายข้อจำกัดกับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ประชาชนเริ่มกลับไปทำงาน และโรงเรียนบางแห่งกลับมาเปิดอีกครั้ง
วันอังคาร มณฑลหูเป่ยได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง โดยอนุญาตให้ประชาชนที่มีสุขภาพดีในพื้นที่ความเสี่ยงต่ำเดินทางได้ภายในมณฑล แต่ยังไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกมณฑล รวมทั้งยังคงจำกัดการเดินทางเข้า-ออกจากอู่ฮั่น
วันเดียวกันนั้น อู่ฮั่นปิดโรงพยาบาลชั่วคราวทั้ง 14 แห่ง ที่ก่อนหน้านี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ หรือได้รับการดัดแปลงจากอาคารเดิม เพื่อรองรับผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19
ความคืบหน้าของจีนตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับการระบาดทั่วโลก โดยเฉพาะในอิตาลีที่พบผู้ติดเชื้อกว่า 9,000 คน และผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 463 คน
นายกรัฐมนตรี จูเซปเป คอนติ ออกแถลงการณ์ถ่ายทอดสดทางทีวี ประกาศให้ทั่วประเทศเป็นพื้นที่กักกันโรคนับจากวันอังคาร โดยสั่งให้ประชาชนกักบริเวณตัวเองอยู่ในบ้าน ห้ามการเดินทางทั่วประเทศ ยกเว้นมีเหตุผลอันควรด้านการทำงาน ซึ่งจะมีการพิจารณาเป็นกรณีไป รวมถึงเหตุผลด้านสุขภาพ
คำประกาศล่าสุดเป็นการขยายพื้นที่จากเขตกักกันโรคเดิมที่อยู่เฉพาะในแคว้นทางภาคเหนือรอบๆ เมืองมิลาน และ เวนิส และจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 3 เมษายน ซึ่งเท่ากับว่า สถาบันการศึกษาทั้งหมดจะต้องปิดการเรียนการสอนทันที
นอกจากนั้น การแข่งขันฟุตบอลกัลโช เซเรีย อา และการแข่งขันกีฬาอื่นๆ ยังต้องระงับไว้ก่อนในช่วงเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า มาตรการนี้จะบังคับใช้อย่างไร โดยในวันจันทร์ (9) รถไฟและสายการบินจำนวนมาก ยังคงให้บริการการเดินทางเข้า-ออกจากมิลาน ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการปิดเมืองตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นับจากไวรัสโคโรนาอุบัติขึ้นในจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว อิตาลีกลายเป็นประเทศที่มีการระบาดหนักที่สุดในยุโรป
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า อิตาลีมียอดผู้เสียชีวิตกว่าครึ่งของผู้เสียชีวิตทั้งหมด 862 คน จากไวรัสโคโรนานอกจีน จนถึงคืนวันจันทร์
ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกขณะนี้มากกว่า 110,000 คน ในกว่า 100 ประเทศ โดยแคนาดาพบผู้เสียชีวิตรายแรก
มองโกเลีย สั่งปิดเมืองหลวงและเมืองอื่นๆ ในวันอังคารหลังพบผู้ติดเชื้อรายแรก
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนา ประกอบกับราคาน้ำมันที่ทรุดดิ่ง ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนก ที่วอลล์สตรีท ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 2,000 จุด ในช่วงหนึ่งของการซื้อขายในวันจันทร์ กระทั่งมีคนขนานนามว่า “แบล็กมันเดย์”
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเอเชียวันอังคารเริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง เช่นเดียวกับราคาน้ำมันที่ฟื้นขึ้นในระดับหนึ่ง