เอเจนซีส์ - ฮิโรยูกิ โมโรตะ สมาชิกสภาท้องถิ่นจังหวัดชิซุโอะกะ ออกมาแถลงขออภัยวันนี้ (9 มี.ค.) หลังถูกจับได้ว่านำหน้ากากอนามัยไปประมูลขายผ่านอินเทอร์เน็ต จนฟันกำไรเข้ากระเป๋าตัวเองหลายล้านเยน ซึ่งถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมฉวยโอกาสในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ‘โควิด-19’
โมโรตะ วัย 53 ปี ยอมรับว่าทำเงินได้ถึง 8.88 ล้านเยน (ราว 2.7 ล้านบาท) จากการเปิดประมูลหน้ากากอนามัยรวม 89 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา
“ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนไม่พอใจ” เขาระบุในงานแถลงข่าว “ผมขอแสดงความรับผิดชอบทางศีลธรรม และรู้สึกเสียใจที่ตัวเองเป็นสมาชิกสภาจังหวัด แต่กลับไม่คิดให้รอบคอบ”
เขารับปากว่าจะปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางจังหวัด เพื่อนำเงินรายได้ดังกล่าวไปใช้สนับสนุนมาตรการต่อสู้ไวรัส แต่ยืนยันว่าจะ “ไม่ลาออก”
โมโรตะ ได้นำหน้ากากอนามัยแบบกล่อง 2,000 ชิ้นไปประมูลขายผ่านเว็บไซต์หลายแห่ง โดยทำเงินได้ระหว่าง 30,000-170,000 เยน (ราว 9,200-52,000 บาท) ต่อหน้ากาก 1 กล่อง หรือ 2-3 กล่อง
โมโรตะ อ้างว่า หน้ากากเหล่านี้เป็น “ของค้างสต็อก” ที่บริษัทของเขาซึ่งทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีนและนำมาขายต่อทางออนไลน์สั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ในช่วงที่โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS) ระบาดหนักเมื่อ 2-3 ปีก่อน
“ผมเพียงแต่เอาของที่มีอยู่ในสต็อกมาขาย ไม่ใช่ซื้อเอามาขายซ้ำ” โมโรตะ กล่าว พร้อมยืนยันว่าไม่มีเจตนาค้ากำไรเกินควร
เขายังอ้างว่า นำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการประมูลหน้ากากไปบริจาคให้แก่โรงพยาบาลในเมืองเซนได, วิทยาลัยพยาบาลในโอซากา และโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดไซตามะตามที่ได้รับการร้องขอมา