รอยเตอร์ - ภูเขาไฟเมอราปี (Merapi) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นภูเขาไฟที่มีพลังที่สุดในอินโดนีเซียปะทุพ่นเถ้าถ่านสูงกว่า 6 กิโลเมตรเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (3 มี.ค.) ส่งผลให้ชุมชนโดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยเถ้าถ่าน ขณะที่ทางการสั่งปิดสนามบินเมืองโซโล (Solo) เป็นการชั่วคราว
การปะทุครั้งนี้ทำให้เถ้าถ่านและทรายที่ร้อนจัดร่วงจากท้องฟ้าลงมาใส่ชุมชนในรัศมี 10 กิโลเมตรจากปากปล่อง ขณะที่ศูนย์สังเกตการณ์ภูเขาไฟเพื่อแจ้งเตือนการบินแห่งอินโดนีเซีย (Volcano Observatory Notice for Aviation) ออกคำเตือนระดับสีแดง และระบุว่ากระแสลมกำลังพัดเถ้าถ่านมุ่งไปทางทิศเหนือ
ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนอินโดนีเซีย (DGCA) ระบุว่า สนามบินนานาชาติเมืองโซโลซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 40 กิโลเมตรถูกสั่งปิดชั่วคราวตั้งแต่เวลา 9.25 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อ 4 เที่ยวบิน ขณะที่สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติเตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากพื้นที่ห้ามเข้าในรัศมี 3 กิโลเมตรจากภูเขาไฟ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ลาวาจะไหลทะลักออกจากปากปล่องหรือเกิดปรากฏการณ์ตะกอนภูเขาไฟหลาก (pyroclastic flows)
“ถ้าห่างออกมา 3 กิโลเมตรถือว่ายังปลอดภัย” บิวารา ยุสวันตานา หัวหน้าสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติเมืองยอกยาการ์ตาให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
ภูเขาไฟเมอราปีซึ่งมีความสูง 2,930 เมตร และอยู่ไม่ไกลจากยอกยาการ์ตา เมืองศูนย์กลางวัฒนธรรมบนเกาะชวา เกิดการปะทุขนาดย่อมๆ เรื่อยมาตั้งแต่ปี 2018 สำหรับคราวนี้การปะทุกินระยะเวลานานเกือบ 8 นาที ซึ่งบ่งบอกถึงการเคลื่อนที่ของแมกมาและความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทุซ้ำอีก
การระเบิดครั้งรุนแรงของเมอราปีเมื่อปี 2010 ได้คร่าชีวิตชาวอิเหนาไปกว่า 300 คน ขณะที่ชาวบ้านอีกราว 280,000 คนต้องอพยพหนีตาย