เอเจนซีส์ – ยอดเสียชีวิตรวมโรคโควิด-19 2,979 ราย ติดเชื้อ 86,529 ราย และหายป่วย 41,958 คน เมื่อวานนี้(29 ก.พ) สหรัฐฯมีผู้ป่วยเสียชีวิตเป็นรายแรกเป็นชายในวัยราว 50 ปีที่รัฐวอชิงตัน พร้อมกันนี้ทางสหรัฐฯได้สั่งยกระดับจำกัดการเดินทางไปยังเกาหลีใต้และอิตาลีรวมอิหร่าน ส่วนฝรั่งเศสและอิตาลีออกคำสั่งยกเลิกการจัดงานสาธารณะหวั่นเสี่ยงแพร่ระบาด
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(29 ก.พ)ว่า การเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคโควิด-19 เป็นครั้งแรกในอเมริกาทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ ออกมาแถลงถึงวิกฤตโรคโควิด-19ในสหรัฐฯว่าถึงแม้จะมีผู้เสียชีวิตรายแรกเกิดขึ้นแต่ทว่าทั้งสองยังคิดว่า สหรัฐฯมีความเสี่ยงต่ำสำหรับการระบาดของโรค
ในรายงานของ CNN อ้างอิงจาก ดร. เจฟฟรีย์ ดูชิน( Jeffrey Duchin) เจ้าหน้าที่การแพทย์ประจำซีแอตเติลและคิงเคาน์ตี (Seattle and King County)ชี้ว่า ผู้ป่วยชายวัยราว 50 ปีนี้มีอาการไม่เด่นชัด และทางเจ้าหน้าที่การแพทย์ของเคาน์ตีเพิ่งจะตระหนักถึงในกรณีของเขาก็ต่อเมื่อวันศุกร์(28 ก.พ)แล้ว ทั้งนี้พบว่าผู้ตายเสียชีวิตที่บ้านดูแล มีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันจำนวน 21 คน รวม 4 คนอยู่ในขั้นป่วยหนัก
การเสียชีวิตรายแรกส่งผลทำให้เพนซ์ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลวิกฤตโควิด-19 ออกคำสั่งห้ามการเดินทางไปยังอิหร่านและออกคำเตือนการแนะนำระดับสูงสำหรับการเดินทางไปยังเกาหลีใต้และอิตาลี
โดยระบุว่า สำหรับคำสั่งห้ามการเดินทางอิหร่านที่มีแต่เดิมอยู่แล้วให้ขยายครอบคลุมไปถึงชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศในช่วง 14 วันล่าสุด อัลญาซีเราะฮ์ชี้ พร้อมกันนี้ยังออกมากระตุ้นไม่ให้พลเมืองสหรัฐฯเดินทางไปยังอิตาลีและเกาหลีใต้ที่ระบาดหนักอยู่ในเวลานี้
สำหรับโซลในวันเสาร์(29 ก.พ) ได้ออกมาร้องขอให้ประชาชนอยู่แต่ในที่พักพร้อมเตือนว่าในเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับการต่อสู้กับโรคร้าย เกิดขึ้นหลังจากเกาหลีใต้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดที่ 813 ราย ส่งผลทำให้มีผู้ติดเชื้อรวมที่ 3,150 ราย และเสียชีวิต 17 ราย
ส่วนส่วนฝรั่งเศสและอิตาลีออกคำสั่งยกเลิกการจัดงานสาธารณะหวั่นเสี่ยงแพร่ระบาด รวมไปถึง ปารีสอาล์ฟมาราธอน และซีรีส์ A ซึ่งทางอิตาลีที่มีผลผู้ติดเชื้อกว่า 900 คนได้มีความเห็นว่า โรงเรียนและมหาวิทยาลัยสมควรที่จะปิดต่อเป็นสัปดาห์ที่ 2