รอยเตอร์/เอเอฟพี - จีนถอนหนังสือรับรองสื่อมวลชนของผู้สื่อข่าววอลล์สตรีท เจอร์นัล 3 ราย หลังหนังสือพิมพ์สหรัฐฯฉบับนี้ปฏิเสธขอโทษกรณีเขียนคอลัมน์พาดหัวตัวโตเรียกจีนเป็น "คนป่วยที่แท้จริงของเอเชีย" จากกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) กระทรวงการต่างประเทศปักกิ่งเปิดเผยในวันพุธ (19 ก.พ.) กระตุ้นให้อเมริการุดออกมาประณามความเคลื่อนไหวดังกล่าวในทันที
เกิ้ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่าปักกิ่งดำเนินการอย่างหนักหน่วงกับตัวแทนของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ต่อบทความในคอลัมน์เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ซึ่งจีนประณามว่าเป็นการเหยียดผิวและใส่ร้ายความพยายามของพวกเขาในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่ทางหนังสือพิมพ์ปฏิเสธที่จะออกมาขอโทษ หรือกระทั่งทำการสอบสวนผู้อยู่เบื้องหลัง
"คนจีนไม่ต้อนรับสื่อมวลชนที่เผยแพร่บทความเหยียดผิวและโจมตีจีนด้วยความมุ่งร้าย" เกิ้งกล่าวระหว่างแถลงสรุปประจำวัน "ตามหลังเรื่องนี้ จีนตัดสินใจถอนหนังสือรับรองสื่อมวลชนของผู้สื่อข่าววอลล์สตรีท เจอร์นัล 3 คนในปักกิ่ง เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป"
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนไม่ได้บอกว่า 3 คนนั้นเป็นใคร แต่ทางวอลล์สตรีท เจอร์นัล เปิดเผยว่าบุคคลที่ถูกถอนใบอนุญาตประกอบด้วย ชาวอเมริกัน 2 รายคือ จอช ชิน รองหัวหน้ากองประจำปักกิ่ง และจ้าว เติ้ง นักข่าว ส่วนอีกคนคือ ฟิลิป เหวิน นักข่าวชาวออสเตรเลีย ซึ่งทั้งหมดได้รับคำสั่งให้ออกนอกประเทศภายใน 5 วัน
ทั้งนี้ชาวต่างชาติไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในฐานะสื่อมวลชนในจีนหากปราศจากหนังสือรับรองสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับการได้รับวีซ่าพำนักอาศัย
นักข่าว 3 คนนี้ทำงานด้านข่าวและไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบทความบรรณาธิการหรือบทความทัศนะ ในขณะที่บทความทัศนะหน้าคู่บทบรรณาธิการที่ทำให้จีนโกรธเคืองนี้ เขียนโดยวอลเตอร์ รัสเซลล์ มีด อาจารย์มหาวิทยาลัยบาร์ดคอลเลจ วิจารณ์การตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาช่วงเริ่มต้นของจีน กล่าวถึงรัฐบาลอู่ฮั่นที่เป็นศูนย์กลางการระบาดว่าปกปิดความลับและสนใจแต่เรื่องของตนเอง และเห็นว่าความพยายามระดับประเทศของจีนไม่มีประสิทธิภาพ
เอเอฟพีระบุว่า วลี "คนป่วยแห่งเอเชีย" เดิมใช้เรียกขานจีนในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จีนโดนมหาอำนาจต่างชาติแสวงหาประโยชน์ในยุคที่ถูกเรียก "ศตวรรษแห่งความอัปยศ"
ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามการกระทำของจีนทันควัน "โดยทั่วไป ประเทศต่างๆที่มีความรับผิดชอบจะตระหนักถึงเสรีภาพของสื่อมวลชนในการรายงานข้อเท็จจริงและแสดงความคิดเห็น การตอบโต้ที่ถูกต้องคือการนำเสนอประเด็นโต้แย้งกลับมา ไม่ใช่จำกัดเสรีภาพการแสดงออก"
ส่วนสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในจีนก็แสดงความกังวลอย่างยิ่งและประณามอย่างหนักหน่วงต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลจีนเช่นกัน
คำสั่งเนรเทศนักข่าวของหนังสือพิมพ์อเมริกันฉบับนี้มีออกมา หลังจากรัฐบาลจีนประณามการตัดสินใจของรัฐบาลอเมริกาที่เพิ่มความเข้มงวดกับองค์กรสื่อของทางการจีนในสหรัฐฯเสมือนเป็นสถานทูตต่างชาติ ว่าไม่มีเหตุผลและยอมรับไม่ได้
เมื่อวันอังคาร(18ก.พ) สหรัฐฯจำแนกพวกสื่อของทางการจีน 5 แห่ง ในนั้นรวมถึง ซินหัว, ไชนา โกลบอล เทเลวิชัน เน็ตเวิร์ค และไชนา เดลี ดิสทริบิวชัน ว่าเป็น "คณะผู้แทนต่างชาติ" ในสหรัฐฯ โดยบอกว่าสื่อเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือ "โฆษณาชวนเชื่อ" ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ของรัฐบาลจีน
ในความเคลื่อนไหวนี้กำหนดให้ “พนักงาน” ขององค์กรเหล่านี้ในสหรัฐฯ จะต้องขึ้นทะเบียนกับกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา ในลักษณะเดียวกันกับพนักงานสถานทูตและสถานกงสุล และบริษัทยังต้องรายงานกิจกรรมทางการเงิน การถือครองอสังหาริมทรัพย์ และจะต้องขออนุมัติจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ หากต้องการซื้อขายเพิ่มเติมด้วย
โฆษกของจีนสะท้อนถึงความไม่พอใจอย่างรุนแรงของจีนในกรณีนี้ด้วยว่า จีนขอสงวนสิทธิ์ในการตอบโต้
ประกาศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯครั้งนี้ เป็นผลมาจากความหวาดระแวงที่เพิ่มสูงขึ้นของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัตติของสหรัฐฯที่มองว่า จีนเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐและพันธมิตรมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมและ พอมเพโอได้แสดงความกังวลผ่านการประชุมความมั่นคงที่มิวนิก ประเทศเยอรมนี ระบุว่ารัฐบาลจีนกำลังเดินทางผิดภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยพอมเพโอชี้ว่า จีนไม่ต่างจากรัสเซียและอิหร่านที่เป็นภัยคุกคามต่อยุโรปและสหรัฐฯ