เอเจนซีส์ – จีนเผยแพร่ผลการศึกษาจากกรณีผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 44,000 คนอย่างละเอียดครั้งแรก ชี้ 80% มีอาการไม่รุนแรง และอัตราเสียชีวิตต่ำ ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่สุดคือคนป่วยและผู้สูงวัย นอกจากนั้นบุคลากรทางการแพทย์ยังเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งล่าสุดผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอู่ฮั่นเสียชีวิตจากไวรัสสายพันธุ์นี้
ในวันอังคาร (18 ก.พ.) มีรายงานว่า หลิว ซีหมิง วัย 51 ปี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอู่ชาง ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลแถวหน้าในการรับมือไวรัสในเมืองอู่ฮั่น เป็นบุคลากรการแพทย์ระดับอาวุโสที่สุดที่เสียชีวิตจากไวรสโควิด-19
ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน (17 ก.พ.) ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของจีน (ซีซีดีซี) ได้เปิดเผยรายงานการศึกษากรณีการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งระบุว่า หูเป่ยที่มีอู่ฮั่นเป็นเมืองหลวง เป็นมณฑลที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสรุนแรงที่สุดในจีน โดยมีอัตราการเสียชีวิต 2.9% เทียบกับ 0.4% ทั่วประเทศ ซึ่งรายงานระบุอัตราการเสียชีวิตโดยรวมจากโควิด-19 ไว้ที่ 2.3%
ทั้งนี้ ตัวเลขอย่างเป็นทางการล่าสุดที่จีนเผยแพร่เมื่อวันอังคารระบุจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดไว้ที่ 1,868 คน และติดเชื้อ 72,436 คน แต่ถ้านับเฉพาะวันจันทร์ (17 ก.พ.) มีผู้เสียชีวิต 98 คน และผู้ติดเชื้อ 1,886 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมีผู้เสียชีวิต 93 คน กับผู้ติดเชื้อ 1,807 คนอยู่ในมณฑลหูเป่ย และผู้ที่ได้รับการรักษาหายแล้วกว่า 12,000 คน
รายงานของซีซีดีซีที่ตีพิมพ์อยู่ในวารสารระบาดวิทยาของจีน ทำการศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียดจากข้อมูลผู้ที่ได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อ 44,672 คนทั่วประเทศจนถึงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ซึ่งพบว่าผู้ติดเชื้อ 80.9% มีอาการไม่รุนแรง, 13.8% อาการรุนแรง และมีเพียง 4.7% ที่อาการวิกฤต
ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตในบรรดาผู้ติดเชื้อหรือที่เรียกว่า อัตราการเสียชีวิตนั้นยังถือว่าต่ำ แต่เพิ่มขึ้นในกลุ่มคนอายุ 80 ปีขึ้นไป และผู้ชายมีแนวโน้มเสียชีวิตมากกว่าผู้หญิง (2.8% ต่อ 1.7%)
ผลศึกษายังระบุว่า ผู้ที่มีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะโรคหัวใจและหลอดเลือด ตามด้วยเบาหวาน โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง และความดันโลหิตสูง
สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อมีจำนวนทั้งสิ้น 3,019 คน ซึ่ง 1,716 คนได้รับการยืนยัน และมีผู้เสียชีวิต 5 คนจนถึงวันที่ 11 ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการเก็บข้อมูล
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ จีนได้ขยายนิยามวิธีวินิจฉัยโรคโดยครอบคลุมกรณีการวินิจฉัยทางคลินิกที่เดิมถูกแยกออกจากกรณีที่ได้รับการยืนยัน
นอกจากนั้นยังพบว่า กราฟการระบาดพุ่งสูงสุดในช่วงวันที่ 23-26 มกราคม ก่อนลดลงจนถึงวันที่ 11 ที่ผ่านมา
รายงานชี้ว่า แนวโน้มขาลงของการระบาดโดยรวมอาจหมายความว่า การปิดเมือง การหมั่นเผยแพร่ข่าวสารสำคัญ เช่น การส่งเสริมให้ประชาชนล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากาก ฯลฯ ผ่านช่องทางต่างๆ รวมทั้งการรับมือของทีมเคลื่อนที่เร็ว กำลังช่วยยับยั้งการระบาด
ถึงกระนั้น ผู้จัดทำรายงานก็เตือนว่า การที่ประชาชนจำนวนมากเริ่มกลับจากวันหยุดยาว ทำให้ประเทศต้องเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่ไวรัสอาจกลับมาระบาดอีกรอบ
ไวรัสโควิด-19 ยังระบาดในหลายประเทศทั่วโลก โดยหลายคนกำลังสนใจสถานการณ์ของเรือสำราญ 2 ลำที่ได้รับการยืนยันแล้วว่า พบผู้ติดเชื้อ ลำแรกคือเรือไดมอนด์ปรินเซสส์ที่ถูกกักกันโรคอยู่นอกชายฝั่งเมืองโยโกฮามาของญี่ปุ่นมาตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ หลังพบชายฮ่องกงคนหนึ่งติดเชื้อ และล่าสุดมีผู้ติดเชื้อกว่า 450 คน จากผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 3,700 คน ส่งผลให้อเมริกาส่งเครื่องบินรับพลเมืองของตนจากเรือลำนี้กลับประเทศตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (16 ก.พ.) และอีกหลายประเทศกำลังเตรียมดำเนินการแบบเดียวกัน อาทิ ออสเตรเลีย อังกฤษ ฮ่องกง และเกาหลีใต้
ลำที่สองคือเรือเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม ที่ถูกหลายประเทศในเอเชีย รวมถึงไทย ไม่ให้เทียบท่าเนื่องจากกลัวว่า อาจมีผู้ติดเชื้อ แต่ในที่สุดเรือลำนี้ก็ได้รับอนุญาตให้จอดที่เมืองสีหนุวิลล์เมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) หลังกัมพูชาระบุว่า ตรวจไม่พบผู้ติดเชื้อ
อย่างไรก็ตาม สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มาเลเซียตรวจพบผู้หญิงอเมริกันคนหนึ่งที่มาจากเรือเวสเตอร์ดัมติดเชื้อ ทำให้ต้องมีการเร่งติดตามผู้โดยสารหลายร้อยคนที่ลงจากเรือลำนี้และออกเดินทางต่อไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงไทย อเมริกา และแคนาดา
หลายประเทศประกาศงดรับชาวต่างชาติที่เคยเดินทางไปกับเรือเวสเตอร์ดัม ขณะที่กัมพูชาเผยว่า ยังมีผู้โดยสาร 255 คน และลูกเรือ 747 คนอยู่บนเรือ และผู้โดยสารกว่า 400 คนถูกส่งไปพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญระหว่างรอผลการตรวจ