รอยเตอร์ – ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลหลายร้อยคนเดินขบวนในหลายชุมชนของฮ่องกงในวันเสาร์ (15) เพื่อคัดค้านแผนการของรัฐบาลที่จะเปลี่ยนอาคารบางแห่งเป็นศูนย์กักกันเชื้อไวรัสโคโรนา และเรียกร้องให้ปิดชายแดนจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด
การประท้วง ซึ่งเคยรุนแรงขั้นสุดเมื่อเดือนมิถุนายนจากความพยายามยกระดับการควบคุมเมืองนี้ของปักกิ่ง มีแรงกระตุ้นน้อยลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความตื่นตระหนกเกี่ยวกับเชื้อไวรัสทำให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน
อย่างไรก็ตาม ความไม่พอใจกำลังคุกรุ่นจากการที่ผู้บริหาร แคร์รี ลัม ปฏิเสธที่จะปิดชายแดนติดกับจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นตอของเชื้อไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยมีเจ้าหน้าที่การแพทย์บางส่วนหยุดงานประท้วงและมีกาประท้วงสนับสนุนในหลากหลายพื้นที่
ในวันเสาร์ (15) คนหลายคนคนชุมนุมกันในย่านไทโปและทินซุยไหว้ทางเหนือ รวมทั้งในเขตอเบอร์ดีนบนเกาะฮ่องกง และตะโกนว่า “ปลดปล่อยฮ่องกง การปฏิวัติในยุคสมัยของเรา” และ “คัดค้านคลินิกโรคระบาด” ผู้ประท้วงเกือบทั้งหมดสวมหน้ากากอนามัยและส่วนใหญ่สวมชุดดำ อาคารบางแห่งในพื้นที่เหล่านั้นถูกกำหนดให้เป็นสถานที่กักเชื้อในอนาคต
“รัฐบาลไม่ได้ฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนที่ขอให้ปิดชายแดนทั้งหมด และตอนนี้พวกเขากลับต้องการจัดตั้งคลินิกโรคระบาดใน 18 เขต การทำเช่นนั้นเหมือนกับยิ่งฉีกแผลให้กว้างมากกว่าที่จะรักษามัน” ชาน เม่ยหลิน ผู้อยู่อาศัยในทินซุยไหว้ กล่าว
ภาพจากโทรทัศน์เผยให้เห็นตำรวจในชุดปราบจลาจลกำลังทำการจับกุมและใช้สเปรย์พริกไทยในทินซุยไหว้
เมื่อสามสัปดาห์ก่อน ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งจุดไฟเผาห้องโถงทางเข้าของอาคารที่พักอาศัยแห่งใหม่ในฮ่องกงที่ทางการตั้งใจจะใช้เป็นศูนย์กักกัน บีบให้รัฐบาลต้องละทิ้งแผนการดังกล่าว
รัฐบาลปิดจุดข้ามชายแดนเกือบทั้งหมดที่ติดกับจีนและมีการบังคับกักเชื้อสำหรับใครก็ตามที่จะเข้าเมืองนี้ หากพวกเขาเคยอยู่ในแผ่นดินใหญ่ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ลัม กล่าวว่า การปิดชายแดนทั้งหมดเป็นเรื่อง “ไม่เหมาะสม” “ไม่เกิดประโยชน์” และเป็นการ “เลือกปฏิบัติ”
ในจีนแผ่นดินใหญ่มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 1,500 คนเพราะเชื้อไวรัสนี้ที่สามารถแพร่จากคนสู่คน ในขณะที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 66,000 คน ส่วนในฮ่องกงมีผู้ติดเชื้อ 56 คน และเสียชีวิต 1 คน