เอเจนซีส์ - คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เผยผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 259 รายในวันศุกร์ (31 ม.ค.) และมีการพบผู้ติดเชื้อใหม่อีก 2,102 รายภายในวันเดียว ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อขณะนี้พุ่งทะลุหลักหมื่นขึ้นไปอยู่ที่ 11,791 คนแล้ว
NHC ยืนยันว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มอีก 46 รายเมื่อวานนี้ (31) โดย 45 รายเป็นผู้ป่วยในมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ไวรัสชนิดนี้ได้แพร่ระบาดไปไกลทั้งในจีนและต่างประเทศ เนื่องจากมีชาวจีนหลายล้านคนออกเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (30) ให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากเมืองอู่ฮั่นเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ
เจ้าหน้าที่เมืองอู่ฮั่นถูกชาวเน็ตวิจารณ์ยับว่าปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของไวรัสจนถึงสิ้นปีที่แล้ว ทั้งที่รู้ล่วงหน้ามานานหลายสัปดาห์
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเมืองอู่ฮั่นออกมาแสดงความสำนึกผิดวานนี้ (31) โดยยอมรับว่าหน่วยงานท้องถิ่นป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสได้ “ล่าช้าเกินไป”
“ทุกวันนี้ผมยังรู้สึกผิดไม่หาย และเฝ้าแต่ตำหนิตัวเอง” หม่า กั๋วเฉียง (Ma Guoqiang) เลขานุการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเทศบาลเมืองอู่ฮั่นให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CCTV “หากมีมาตรการควบคุมโรคเร็วกว่านี้ ผลก็คงจะออกมาดีกว่าที่เป็นอยู่”
เมืองต่างๆ ของจีนยังคงใช้มาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสจากเมืองอู่ฮั่น โดยที่เมืองเทียนจิน (Tianjin) ซึ่งมีประชากรราว 15 ล้านคนได้ประกาศปิดโรงเรียน และสั่งให้ภาคธุรกิจหยุดทำการชั่วคราวจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม
สหรัฐฯ ประกาศให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับชาติ และห้ามไม่ให้พลเมืองต่างชาติที่เคยเดินทางไปจีนในช่วง 14 วันเดินทางผ่านเข้าประเทศ ขณะที่ 3 สายการบินหลักของสหรัฐฯ ยกเลิกเที่ยวบินไป-กลับจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อวานนี้ (31)
ด้านองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนจีน ไชน่า ฮิวแมนไรต์ส ดีเฟนเดอร์ส ซึ่งมีฐานในสหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลจีนผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง และออกมาป้องปรามการแบ่งแยกกีดกันพลเมืองจากอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ย โดยชี้ว่ามาตรการปิดกั้นยิ่งมีส่วนทำให้ไวรัสแพร่กระจายออกไป