เอฟพี - สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งคาดว่าจะเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันเคสแรกในภูมิภาคตะวันออกกลาง
สำนักข่าวแห่งชาติ WAM อ้างถ้อยแถลงจากกระทรวงสาธารณสุขและการป้องกันโรคแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่ง “ประกาศพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เป็นสมาชิกครอบครัวหนึ่งที่เพิ่งเดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่นของจีน”
“ผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้อาการยังคงที่ และอยู่ในความดูแลของแพทย์”
ทั้งนี้ ทางกระทรวงไม่ได้ระบุจำนวนผู้ติดเชื้อที่แน่นอน และยังไม่ให้รายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม
สัปดาห์ที่แล้ว ท่าอากาศยานในกลุ่มประเทศริมอ่าวเปอร์เซีย รวมถึงดูไบซึ่งเป็นฮับการบินที่สำคัญของโลก ประกาศเพิ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อสกัดการแพร่เข้ามาของเชื้อไวรัสโคโรสายพันธุ์ใหม่
ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสจากอู่ฮั่นแล้วในกว่า 15 ประเทศ ขณะที่ยอดผู้ป่วยในจีนพุ่งสูงเกือบ 6,000 คน และเสียชีวิตแล้ว 132 คนตามข้อมูลล่าสุดเมื่อวานนี้ (28)
สำหรับผู้ป่วยที่พบในยูเออีน่าจะถือเป็นเคสแรกที่ไวรัสตัวนี้แพร่กระจายไปถึงตะวันออกกลาง หลังจากที่มีรายงานผู้ป่วยทั้งในเอเชีย-แปซิฟิก, อเมริกาเหนือ และยุโรป
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สร้างความตื่นตระหนกเนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน (SARS) ซึ่งเคยคร่าชีวิตประชากรจีนและฮ่องกงไปเกือบ 650 รายในช่วงปี 2002-2003
ไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อจากคนสู่คนผ่านระบบทางเดินหายใจได้เช่นเดียวกับ SARS
กระทรวงสาธารณสุขยูเออียืนยันว่าได้มีมาตรการป้องกันที่จำเป็นตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) พร้อมย้ำว่าระบบสาธารณสุขของประเทศ “ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และทางกระทรวงได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อรับรองความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของประชาชน”
รัฐดูไบแถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (23) ว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนไปเยือนรัฐเอมิเรตแห่งนี้มากถัง 989,000 คนในปี 2019 และคาดว่าปีนี้ตัวเลขคงจะเพิ่มทะลุหลัก 1 ล้านคน
ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบมีผู้โดยสารชาวจีนแวะต่อเครื่องบินราวๆ 3.6 ล้านคนในปีที่ผ่านมา
สนามบินอาบูดาบีซึ่งเป็นอีกหนึ่งฮับการบินหลักของภูมิภาคก็เริ่มมีการตรวจเข้มผู้โดยสารจากจีนแล้วเช่นกัน
สนามบินทั้ง 2 แห่งมีเที่ยวบินไป-กลับสู่เมืองต่างๆ ของจีนหลายสิบเที่ยวต่อสัปดาห์
จีนถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของยูเออี และมีบริษัทแดนมังกรหลายร้อยแห่งที่เข้าไปตั้งสำนักงานในประเทศอาหรับแห่งนี้ ขณะที่รัฐอาบูดาบีก็เป็นหนึ่งใน 15 ซัพพลายเออร์น้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของปักกิ่ง