xs
xsm
sm
md
lg

ปักกิ่งออกคำสั่งเข้มห้ามค้า‘สัตว์ป่า’ในจีน จนกว่าการระบาดของ‘ไวรัสอู่ฮั่น’ลดลง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


<i>(ภาพถ่ายวันที่ 9 ม.ค. 2020 เผยแพร่โดยหน่วยตำรวจพิเศษปราบปรามการลักลอบค้าสัตว์ป่า)  ด้านนอกของร้านต้องสงสัยว่าลักลอบค้าเนื้อสัตว์ป่า ในเมืองกว่างเต๋อ มณฑลอานฮุย ทางภาคกลางของจีน  </i>
เอเอฟพี – จีนออกคำสั่งในวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ห้ามการค้าสัตว์ป่าเป็นการชั่วคราว ขณะที่ประเทศกำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อควบคุมไวรัสชนิดร้ายแรงซึ่งเชื่อกันว่ามีต้นตอมาจากตลาดที่ขายสัตว์ป่าเพื่อใช้ทำอาหาร

คำสั่งของรัฐบาลจีนระบุว่า ห้ามการเลี้ยง, การขนส่ง, หรือการขายสัตว์ป่าพันธุ์ต่างๆ ทั้งหมด “จากวันที่ประกาศคำสั่งนี้ ไปจนกว่าสถานการณ์โรคระบาดระดับชาติจะสิ้นสุดลง”

ผู้ที่ลงนามในคำสั่งฉบับนี้ได้แก่กระทรวงเกษตร, สำนักงานบริหารแห่งรัฐเพื่อการจัดระเบียบตลาด, และสำนักงานบริหารป่าไม้และพื้นที่ทุ่งหญ้าแห่งชาติ

เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งทำให้ในประเทศจีนมีผู้เสียชีวิตไป 56 คน และติดเชื้อเกือบๆ 2,000 คน รวมทั้งยังแพร่ไปในประเทศอื่นๆ แล้วสิบกว่าแห่ง เป็นที่เชื่อกันว่ามีต้นกำหนดจากตลาดแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งมีรายงานว่าเป็นแหล่งลักลอบขายสัตว์ป่าจำนวนมากเพื่อใช้เป็นอาหารด้วย

พวกนักอนุรักษ์ธรรมชาติกล่าวหาจีนมานานแล้วว่า ไม่ได้อนาทรร้อนใจต่อการลักลอบซื้อขายสัตว์แปลกๆ เพื่อใช้เป็นอาหาร หรือใช้เป็นส่วนประกอบในยาแผนโบราณ ซึ่งก็รวมถึงพวกสัตว์พันธุ์ที่มีอันตรายใกล้สูญพันธุ์สูง อย่างเช่น ตัวนิ่ม, เสือ

พวกผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระบุว่า การค้าเช่นนี้เพิ่มความเสี่ยงทางการสาธารณสุขอย่างสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากจุลชีพก่อโรคซึ่งมาจากสัตว์และอาจเป็นอันตรายมาก ที่ตามธรรมดาไม่ได้ใกล้ชิดมนุษย์นั้น จะมีโอกาสมากขึ้นในการ “กระโดด” มาแพร่เชื้อในมนุษย์

ไวรัสโรค “ซาร์ส” (โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง) ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนหลายร้อยรายในจีนและฮ่องกงเมื่อปี 2002-03 ก็ถูกสืบสาวได้ว่าเป็นเชื้อโรคที่เดิมอยู่ในสัตว์ป่า โดยพวกนักวิทยาศาสตร์ระบุว่าแรกทีเดียวน่าจะเป็นไวรัสในค้างคาว แล้วมาถึงมนุษย์ในเวลาต่อมาโดยมีพวกชะมด หรือ อีเห็น เป็นตัวกลาง

ชะมด ซึ่งเป็นสัตว์รูปร่างคล้ายแมว เป็นหนึ่งในสัตว์หลายสิบพันธุ์ที่ปรากฏอยู่ในบัญชีรายการสัตว์ราคาแพงลิบ ของธุรกิจค้าสัตว์รายหนึ่งในตลาดอู่ฮั่น โดยบัญชีรายการเหล่านี้ปรากฏขึ้นทางออนไลน์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดซึ่งทำการซื้อขายกันจริงๆ ในเมืองดังกล่าว ได้ถูกปิดไปตั้งแต่สิ้นปีที่แล้ว

รายการอื่นๆ ในบัญชีนี้ยังมีอย่างเช่น หนูชนิดต่างๆ , งู, ซาลามันเดอร์ยักษ์, และกระทั่งลูกสุนัขป่าเป็นๆ

<i>(ภาพถ่ายวันที่ 17 ม.ค. 2020 เผยแพร่โดยหน่วยตำรวจพิเศษปราบปรามการลักลอบค้าสัตว์ป่า)  ผู้คนเข้าแถวอยู่ด้านนอกร้านซึ่งต้องสงสัยว่าลักลอบค้าเนื้อสัตว์ป่า ในเมืองอันจี้ มณฑลเจ๋อเจียง บริเวณภาคตะวันออกของจีน</i>
ในคำสั่งที่ประกาศออกมาวันอาทิตย์ (26) ระบุว่า ห้ามธุรกิจ, ตลาด, สถานที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม, รวมทั้งแพลตฟอร์ม อี-คอมเมิร์ซ ดำเนินการการซื้อขายสัตว์ป่าไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม โดยต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้อย่างเข้มงวด

คำสั่งบอกด้วยว่า “บรรดาผู้บริโภคต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ถึงความเสี่ยงที่มีต่อสุขภาพจากการรับประทานสัตว์ป่า ต้องหลีกเลี่ยงการล่าสัตว์ป่า, และรับประทานสิ่งที่เป็นผลดีต่อสุขภาพ”

พวกนักวิทยาศาสตร์บอกว่า การค้า “เนื้อสัตว์ป่า” เมื่อบวกกับการที่มนุษย์ตามเมืองใหญ่มีการเข้าใกล้พวกสัตว์ป่าด้วยช่องทางอื่นๆ กันอย่างกว้างขวางขึ้นกว่าในอดีต กำลังนำเราให้สัมผัสกับเชื้อไวรัสสัตว์อย่างใกล้ชิดยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา และสามารถทำให้เกิดโรคแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็วในโลกซึ่งมีการเชื่อมต่อกันอย่างใกล้ชิดทุกวันนี้

การศึกษาของโครงการโกลบอล ไวรอม โปรเจคต์ ซึ่งเป็นความพยายามระดับทั่วโลกที่จะเพิ่มพูนความพรักพร้อมสำหรับรับมือโรคระบาดร้ายแรง ประมาณการกันเอาไว้ว่า มีไวรัสในสัตว์ป่าที่ยังไม่ถูกค้นพบอีก 1.7 ล้านชนิด โดยเกือบๆ ครึ่งหนึ่งของไวรัสเหล่านี้น่าจะสามารถสร้างอันตรายให้มนุษย์ได้

จีนได้ประกาศปราบปรามการค้าสัตว์ป่ามาแล้วหลายครั้งในอดีตที่ผ่านมา รวมทั้งหลังจากการระบาดของโรคซาร์ส แต่พวกนักอนุรักษ์ธรรมชาติบอกว่าการค้าเช่นนี้ยังกลับฟื้นขึ้นมาอีกอยู่ดีหลังจากเวลาผ่านไปพักหนึ่ง

กลุ่มสิทธิสัตว์บางกลุ่มกำลังเรียกร้องให้สั่งแบนการค้าสัตว์ป่าอย่างถาวรไปเลย

“การห้ามการขายเช่นนั้นจะช่วยยุติความเป็นไปได้ที่จะเกิดการระบาดของโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน อย่างเช่น ไวรัสโคโรนาอู่ฮั่น” นี่เป็นความเห็นของ คริสเตียน วอลเซอร์ หัวหน้าสัตวแพทย์ทั่วโลก (chief global veterinarian) ณ สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (Wildlife Conservation Society)
กำลังโหลดความคิดเห็น