รอยเตอร์ - สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านญัตติจำกัดอำนาจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในการสั่งให้กองทัพลงมือโจมตีอิหร่านเมื่อวานนี้ (9 ม.ค.) ท่ามกลางสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ยังคงตึงเครียดจากปฏิบัติการสังหารนายพล กาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ (Quds) และการที่อิหร่านยิงถล่มฐานทัพอเมริกันในอิรักเพื่อแก้แค้น
ญัตติซึ่งลดทอนอำนาจของ ทรัมป์ ในการสั่งโจมตีอิหร่านและกำหนดให้ผู้นำสหรัฐฯ ต้องขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสเสียก่อน ผ่านสภาผู้แทนฯ ด้วยคะแนนเสียงข้างมาก 224-194 เสียง โดยส.ส.รีพับลิกันเกือบทั้งหมดยกมือค้าน ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาโดยวุฒิสภาซึ่งฝ่ายรีพับลิกันครองเสียงข้างมาก
โฆษกทำเนียบขาววิจารณ์การผ่านร่างญัตติลดทอนอำนาจในการทำสงครามของ ทรัมป์ ว่าเป็นเรื่อง “น่าขำ” และมีเป้าหมายทางการเมืองแอบแฝง พร้อมเตือนว่ามาตรการเช่นนี้จะบั่นทอนศักยภาพของสหรัฐฯ ในการปกป้องชีวิตชาวอเมริกัน
ทั้งนี้ หากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบ ญัตติดังกล่าวจะมีผลบังคับทันทีโดยไม่ต้องขอให้ ทรัมป์ ลงนาม
การโหวตร่างญัตติในสภาผู้แทนราษฎรมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ ทรัมป์ ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่รัฐโอไฮโอว่า โซไลมานี ถูกปลิดชีพเพราะมีแผนโจมตีสถานทูตอเมริกัน
“โซไลมานี กำลังวางแผนโจมตีสหรัฐฯ โดยพุ่งเป้าไปยังสถานทูตของเราในที่ต่างๆ ไม่ใช่แค่ในแบกแดดเท่านั้น แต่เราหยุดเขาไว้ได้อย่างทันทีทันใด” ทรัมป์ ระบุ
ขณะเดียวกัน อิหร่านก็เผชิญแรงกดดันจากนานาชาติมากขึ้นเมื่อนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด แห่งแคนาดาและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อ้างความเป็นไปได้ที่กองทัพเตหะรานอาจเป็นผู้ยิงเครื่องบินโดยสารยูเครนตกโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เมื่อวันพุธ (8) หลังจากที่ประเคนขีปนาวุธถล่มที่มั่นของอเมริกาในอิรัก
ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ว่าตนก็รู้สึก “สงสัย” ในสาเหตุการตกของโบอิ้ง 737-800 ลำนี้ และเชื่อว่า “อาจเป็นความผิดพลาดของใครบางคน”
รัฐบาลอิหร่านยังคงปฏิเสธเสียงแข็งต่อข้อครหานี้