มาร์เกตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันขยับขึ้นในกรอบแคบๆ ในวันจันทร์ (6 ม.ค.) คาดอิหร่านอาจตอบโต้สหรัฐฯ ในแนวทางที่ไม่ปั่นป่วนต่ออุปทานพลังงาน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยความตึงครียดซึ่งมีต้นตอจากกรณีวอชิงตันลอบสังหารนายพลคนสำคัญของเตหะราน ผลักทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวกเล็กน้อย ได้แรงพยุงจากหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 22 เซ็นต์ ปิดที่ 63.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 31 เซ็นต์ ปิดที่ 68.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันพุ่งขึ้น 3% ในวันศุกร์ (3 ม.ค.) และดีดตัวแรงในช่วงต้นของการซื้อขายวันจันทร์ (6 ม.ค.) ด้วยช่วงหนึ่งสัญญาเบรนต์ลอนดอน แตะระดับ 70.74 ดอลลาร์ ได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ สังหาร นายพลกาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ “คุดส์” ของอิหร่าน ก่อความกังวลว่ามันอาจกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันแกว่งตัวลงมาปิดบวกในกรอบแคบๆ หลังนักลงทุนเริ่มสงสัยว่าการตอบโต้ของอิหร่านจะเป็นไปในแนวทางที่จะก่อความปั่นป่วนแก่อุปทานพลังงานหรือไม่ แม้ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาขู่ว่าอเมริกาจะแก้เผ็ดอิหร่าน หากว่าเตหะรานตอบโต้กลับกรณีที่วอชิงตันสังหารนายพลคนสำคัญ
ภูมิภาคตะวันออกกลางผลิตน้ำมันคิดเป็นราวๆ เกือบครึ่งหนึ่งของกำลังผลิตน้ำมัน และราว 1 ใน 5 ในการขนส่งน้ำมันทางเรือของโลก จำเป็นต้องสัญจรผ่านช่องแคบฮอร์มุซ
นอกจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านแล้ว ยังเกิดสถานการณ์ที่คุกรุ่นระหว่างอเมริกากับอิรักอีก หลังทรัมป์ขู่กำหนดมาตรการคว่ำบาตรอิรัก ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโอเปก หากว่าแบกแดดบีบให้ทหารสหรัฐฯต้องถอนกำลังออกนอกประเทศ ปัจจัยนี้ก็ช่วยหนุนราคาน้ำมันเช่นกัน
ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง อันเนื่องจากเหตุลอบสังหารนายพลกาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ของอิหร่าน ผลักนักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำในวันจันทร์ (6 ม.ค.) ปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2013 โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 16.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,568.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (6 ม.ค.) แกว่งตัวขึ้นมาปิดบในแดนบวก จากแรงหนุนของแอมะซอนและอัลฟาเบ็ต ยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ต หลังจากในช่วงต้นดิ่งลงหนักอันเนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 68.50 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 28,703.38 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 11.43 จุด (0.35 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,246.28 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 50.70 จุด (0.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,071.47 จุด
หลังจากเปิดตลาดในแดนลบ ดัชนีทั้ง 3 ฟื้นตัวในช่วงบ่ายก่อนปิดบวกเล็กน้อย ได้แรงหนุนจากบริษัต่างๆ ที่มีการเติบโตค่อนข้างสูง อย่างเช่นแอมะซอนดอทคอมอิงก์, อัลฟาเบ็ต อิงก์, เฟซบุ๊ก อิงก์ และเน็ตฟลิกซ์อิงก์