รอยเตอร์ - ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่นลูกหนึ่งซัดถล่มภาคกลางฟิลิปปินส์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เพิ่มเป็น 28 ศพในวันศุกร์(27ธ.ค.) และสูญหาย 12 คน จากการเปิดเผยสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการกู้ไฟฟ้าและชาวบ้านช่วยกันซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหาย
ไต้ฝุ่นพันฝน (Phanfone) ซัดถล่มเมื่อวันอังคาร(24ธ.ค.) ด้วยความเร็วลมสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและลมกระโชก 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นำพาห่าฝนโหมกระหน่ำเล่นงานหมู่เกาะต่างๆ ก่อความเสียหายแก่บ้านเรือหลายร้อยหลังและเกิดอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ 8 จุด
พายุพันฝนถือเป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 7 ที่ซัดถล่มฟิลิปปินส์ในปีนี้ และการเข้าโจมตีของมันเกิดขึ้นในขณะที่ประชาชนหลายล้านคนในประเทศที่มีชาวคริสต์คาทอลิกเป็นชนกลุ่มใหญ่กำลังมุ่งหน้าเดินทางกลับบ้านเพื่อฉลองคริสต์มาสกับครอบครัว
มีประชาชนราว 43,000 คนต้องไปพักอาศัยอยู่ตามศูนย์พักพิงชั่วคราวต่างๆในวันศุกร์(27ธ.ค.) ในขณะที่มีชาวบ้านประมาณ 185,000 คนได้รับผลกระทบจากไต้ฝุ่นลูกนี้ ซึ่งทำลายบ้านเรือนพังพินาศไป 49 หลังและได้รับความเสียหายบางส่วนมากกว่า 2,000 หลังคาเรือน
ไต้ฝุ่นพันฝนยังก่อความวุ่นวายด้านการสัญจร ด้วยเที่ยวบิน 115 เที่ยวถูกยกเลิกและประชาชนหลายพันคนติดค้างตามเกาะต่างๆ เหตุเพราะเรือเฟอร์รีข้ามฟากจำเป็นต้องระงับใก้บริการ สืบเนื่องจากสตอร์มเซิร์จ
ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าเหยื่อแต่ละรายนั้นเสียชีวิตในลักษณะใด แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าบางส่วนนั้นถูกต้นไม้หักโค่นลงมาทับ ไฟดูดและจมน้ำตาย "ผู้คนไม่คาดหมายว่าพายุจะก่อหายนะรุนแรงเช่นนี้" มาร์ค ทิมบาล โฆษกสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติกล่าว
แม้พันฝนจะมีระดับความรุนแรงน้อยกว่าไต้ฝุ่นอื่นๆในปีนี้ แต่มันขึ้นฝั่งตรงหนึ่งในบริเวณที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศและตรงหมู่เกาะต่างๆที่ยังไม่ค่อยพัฒนา ในนั้นรวมถึงเกาะซามาร์ ซึ่งเคยทุกข์ทรมานจากไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนในปี 2013 พายุรุนแรงที่สุดและเข่นฆ่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟิลิปปินส์ ซึงคร่าชีวิตชาวบ้านไปมากกว่า 6,300 ราย
ในวันศุกร์(27ธ.ค.) พวกชาวบ้านเริ่มดำเนินการเก็บกวาดเศษซากต่างๆ รวมถึงกิ่งไม้ขนาดใหญ่และแผนสังกะสีที่ปลิวออกจากหลังคาบ้าน ซึ่งกระจัดกระจายอยู่เต็มถนน นอกจากนี้แล้วยังพบเห็นพวกผู้ชายช่วยกันกู้เรือประมง
ภาพข่าวทางสถานีโทรทัศน์พบเห็นความเสียหายเล็กน้อยที่ท่าอากากศยานคาลิโบ อีกประตูทางเข้าหนึ่งสำหรับมุ่งหน้าไปยังเกาะโบราเคย์ ในขณะที่สำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติบอกว่ามีโรงเรียน 55 แห่งได้รับความเสียหายบางส่วน
กระทรงเกษตรกรรมประเมินความเสียหายในเบื้องต้นน่าจะอยู่ราวๆ 569 ล้านเปโซ(ราว 338 ล้านบาท) ส่วนใหญ่ได้แก่ภาคฟาร์มประมง
ภาพที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นเจ้าหน้าที่รัฐกำลังเข้าเก็บกวาดกิ่งไม้และท่อนไม้ออกจากถนน ท่ามกลางท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง หลังจากพายุเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ตั้งแต่ช่วงค่ำวันพุธ(25ธ.ค.)แล้ว