เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ประกาศสละสิทธิ์รับบำนาญหลังพ้นตำแหน่ง รวมทั้งไม่ร่วมเป็นสมาชิกศาลรัฐธรรมนูญเพื่อรับเบี้ยเลี้ยงรายเดือนตลอดชีพ หวังลดความขุ่นเคืองของสหภาพแรงงานที่มีต่อสิทธิพิเศษของนักการเมือง และแผนการผลักดันการปฏิรูประบบบำนาญของเขา ขณะที่การผละงานในภาคขนส่งทำให้การเดินทางช่วงคริสต์มาสยากลำบากยิ่งขึ้น
จากการสไตรก์ของแรงงานภาคคมนาคมขนส่งซึ่งเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ทำให้ประชาชนมากมายประสบปัญหาในการเดินทางกลับบ้านเพื่อฉลองเทศกาลวันหยุดคริสต์มาส มาครง ได้ออกมาเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์เมื่อวันเสาร์ (21 ธ.ค.) ผ่านสำนักประธานาธิบดีที่ประกาศว่า มาครงจะเป็นผู้นำคนแรกของฝรั่งเศสในรอบกว่า 50 ปีที่สละสิทธิ์การรับบำนาญเดือนละกว่า 6,000 ยูโร ซึ่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสทุกคนได้รับอัตโนมัติหลังพ้นตำแหน่ง
นอกจากนั้นมาครงจะสละสิทธิ์ที่อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสพึงได้รับ จากการเข้าเป็นสมาชิกตลอดชีพของศาลรัฐธรรมนูญและรับเบี้ยเลี้ยงเดือนละ 13,500 ยูโร
มาครงที่มีนโยบายส่งเสริมธุรกิจ ตระหนักว่า การประท้วงของฝ่ายแรงงานต่อแผนการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงระบบบำนาญ เพื่อที่จะลดภาระของภาคธุรกิจลงนั้น กำลังพุ่งเป้ามาที่ตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์หรูหราและสิทธิพิเศษมากมายที่ประธานาธิบดีจะได้รับหลังพ้นตำแหน่ง
เมื่อไม่นานมานี้ นายกรัฐมนตรีเอดูอาร์ ฟิลิป ให้สัญญาว่า ภายใต้ระบบบำนาญใหม่ ประธานาธิบดีจะได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกับประชาชนทั่วไป
ทางด้านหนังสือพิมพ์ เลอ ปารีเซียง ยกย่องการตัดสินใจของมาครงในการไม่รับบำนาญหลังพ้นตำแหน่ง ขณะที่ฝ่ายซ้ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นเพียงแผนประชาสัมพันธ์ ส่วนพรรคคอมมิวนิสต์โจมตีว่า มาครง อดีตวาณิชธนกร มีรายได้มากมายจากภาคเอกชนจึงสามารถสละสิทธิ์บำนาญของการเป็นประธานาธิบดีได้โดยไม่เดือดร้อน
เวลาเดียวกัน แม้การนัดหยุดงานยังไม่มีทีท่าจบลง แต่รัฐบาลยังยืนกรานเดินหน้ารวมระบบบำนาญของประเทศ ซึ่งมาครงให้สัญญาว่า จะเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบสังคมและระบบสวัสดิการครั้งใหญ่ที่สุดนับจากยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรัฐบาลระบุว่า การยกเลิกบำนาญพิเศษ 42 ระบบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่รถไฟจนถึงพลังงาน มีความสำคัญต่อความอยู่รอดทางการเงินของระบบบำนาญของประเทศ ขณะที่ประชากรสูงวัยเพิ่มจำนวนมากขึ้น
แม้สหภาพแรงงานบางแห่งสนับสนุนระบบบำนาญเดียว แต่เกือบทุกแห่งคัดค้านการกำหนดอายุตายตัวในการเกษียณตามกฎหมายไว้ที่ 62 ปี โดยให้ทำงานต่ออีก 2 ปีจึงจะได้รับบำนาญครบถ้วน
หากมาครงไม่สามารถปฏิรูประบบบำนาญตามที่สัญญาไว้ อาจทำให้เขาสูญเสียฐานเสียงถึง 25% ซึ่งสำคัญมากต่อการได้รับเลือกตั้งอีกสมัยที่จะมีขึ้นในปี 2022 ดังนั้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเดินหน้าเจรจาต่อเพื่อให้สหภาพแรงงานยอมรับการเปลี่ยนแปลง
การผละงานกำลังส่งผลให้ประชาชนทั่วฝรั่งเศสประสบปัญหาในช่วงเวลาเริ่มต้นเทศกาลคริสต์มาส เนื่องจากรถไฟหลายสายยกเลิกให้บริการ การจราจรบนถนนติดขัด และผู้ดำเนินการรถไฟ เอสเอ็นซีเอฟ เตือนว่า การจราจรจะติดขัดรุนแรงในช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาถึง รวมทั้งเรียกร้องให้ผู้เดินทางยกเลิกหรือเลื่อนแผนการเดินทางออกไปก่อน
แม้สหภาพแรงงานบางแห่งเรียกร้องให้พักการสไตรก์ไว้ก่อน แต่สหภาพแรงงานการรถไฟยังคงผละงานต่อ นอกจากนั้นการประท้วงยังส่งผลต่อธุรกิจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าปลีก โดยสมาคมอุตสาหกรรมค้าปลีกรายงานว่า ยอดขายลดลง 30-60% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ผลสำรวจของไอฟ็อปพบว่า ชาวฝรั่งเศส 51% สนับสนุนหรือเห็นใจการประท้วง ลดลงเล็กน้อยจากเดือนที่แล้ว
มาครงที่อยู่ระหว่างเดินทางเยือนประเทศโกตดิวัวร์ เรียกร้องให้ผู้ผละงานรับผิดชอบและพักรบในช่วงเทศกาลคริสต์มาส หลังจากการเจรจาระหว่างรัฐบาลและสหภาพแรงงานเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วไม่สามารถไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งได้
รายงานระบุว่า มีรถไฟความเร็วสูง (ทีจีวี) เพียง 50% และรถไฟที่วิ่งระหว่างเมือง 25% ที่ยังให้บริการอยู่เมื่อวันอาทิตย์
ฝรั่งเศสยังเผชิญสภาพอากาศเลวร้ายจากพายุที่ทำให้ต้นไม้ล้มขวางทางรถไฟหลายจุดทางใต้ของประเทศเมื่อวันอาทิตย์ และกระแสลมแรงส่งผลให้บ้านเรือน 110,000 หลังทางตะวันตกเฉียงใต้ไม่มีไฟฟ้าใช้