เอเอฟพี – การโจมตีทางอากาศโดยรัฐบาลซีเรียและรัสเซียที่เป็นพันธมิตรส่งผลให้พลเรือน 12 คนเสียชีวิตในที่มั่นแห่งสุดท้ายในประเทศนี้ของฝ่ายต่อต้าน ซึ่งความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นทำให้คนหลายหมื่นพากันหลบหนี
การทิ้งระเบิดเกิดขึ้นในจังหวัดอิดลิบทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งตกเป็นเป้ามากขึ้นเรื่อยๆ ในเดือนนี้จากกองกำลังของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด
การโจมตีทางอากาศที่รุนแรงขึ้นในตอนใต้ของอิดลิบนับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม ส่งผลให้คนหลายหมื่นต้องหลบหนีออกจากบ้านเรือนของพวกเขา อ้างจากองค์การสหประชาชาติ
ในวันเสาร์ (21) การทิ้งระเบิดส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิต 8 คนในเมืองซาราเก็บ อ้างจากกลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย
มีอีก 4 คนถูกสังหารในการโจมตีทางอากาศที่เขตอื่นๆ ในตอนใต้ของอิดลิบ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 36 คน กลุ่มสังเกตการณ์ที่มีสำนักงานใหญ่ในอังกฤษ กล่าวเสริม
การทิ้งระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่การปะทะรุนแรงดำเนินต่อเนื่องเข้าสู่วันที่สามระหว่างกลุ่มภักดีรัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธที่ควบคุมจังหวัดนี้
นับตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดี (19) มีนักรบญิฮาดเสียชีวิตแล้ว 67 คนและแนวร่วมกบฏ 15 คน กลุ่มสังเกตการณ์ ระบุ
ผู้ภักดีต่อรัฐบาลถูกสังหารด้วยเช่นกัน 57 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมสองฝ่ายเพิ่มเป็นเกือบ 140 คน กลุ่มสังการณ์ ระบุ
จังหวัดอิดลิบ ซึ่งเป็นบ้านของประชากรราว 3 ล้านคนรวมถึงหลายคนที่พลัดถิ่นเพราะสงครามกลางเมืองในซีเรีย ถูกควบคุมโดยอดีตเครือข่ายอัลกออิดะห์ในซีเรีย ฮายัต ตอห์รีร์ อัลชาม
รัฐบาลดามัสกัสประกาศหลายครั้งว่าจะชิงจังหวัดนี้กลับคืนให้ได้ กองกำลังโปรรัฐบาลเปิดฉากการโจมตีจังหวัดนี้เมื่อเดือนเมษายน สังหารพลเรือนราว 1,000 คนและทำให้ประชาชนพลัดถิ่นฐานบ้านเกิดกว่า 400,000 คน
นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม พื้นที่นี้น่าจะได้รับการคุ้มครองจากข้อตกลงหยุดยิงที่ประกาศโดยมอสโก แต่การทิ้งระเบิดยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
สงครามซีเรียคร่าชีวิตคนไปกว่า 370,000 คนและทำให้มีผู้พลัดถิ่นแล้วหลายล้านนับตั้งแต่มันเริ่มต้นในปี 2011 ด้วยการปราบปรามการประท้วงต่อต้านรัฐบาล