รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - เกิดเหตุกราดยิงในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐเช็กเมื่อวันอังคาร (10 ธ.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน โดยมือปืนหลบหนีไปได้และยิงตัวตายในเวลาต่อมา ถือเป็นเหตุโจมตีร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ในรอบ 5 ปี
พาฟลา จิรูสโกวา โฆษกหญิงสำนักงานตำรวจเช็ก แถลงว่า ผู้ต้องสงสัยขับรถเรโนลต์ ลากูนาสีเงินหนีไปได้ แม้ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้งเพียง 5 นาที
อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจเผยว่า ผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นชายวัย 42 ปี ยิงตัวตายก่อนที่ตำรวจจะเข้าจับกุม
มือปืนรายนี้จ่อยิงคนที่นั่งรอพบแพทย์ในแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยในเมืองออสตราวา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเหล็กกล้าตั้งอยู่ห่างจากกรุงปรากทางตะวันออกราว 300 กิโลเมตร
นายกรัฐมนตรีอันเดรจ บาบิส ปราศรัยทางทีวีว่า ได้รับแจ้งว่า ผู้เสียชีวิตคือผู้ที่นั่งรออยู่ในแผนกผู้ป่วยนอก และโชคดีที่ขณะเกิดเหตุมีคนบางตากว่าปกติ และเสริมว่า มือปืนยิงเหยื่อในระยะเผาขนโดยเล็งที่ศีรษะและคอ
นอกจากผู้เสียชีวิตที่เป็นชาย 4 คน และหญิง 2 คนแล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 คน
จิริ ฮาฟร์แลนต์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล แถลงว่า ผู้เสียชีวิต 5 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนอีกคนเสียชีวิตในห้องผ่าตัด
บาบิสแถลงต่อว่า การกราดยิงซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.19 น. ตามเวลาท้องถิ่น ถือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในเช็ก และยังไม่มีใครรู้มูลเหตุจูงใจของมือปืนผู้นี้
ทางด้านประธานาธิบดีไมลอส ซีแมน ทวิตแสดงความเสียใจต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น
ปกติแล้วเหตุกราดยิงเกิดขึ้นน้อยมากในเช็ก ซึ่งเป็นชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ที่มีประชากร 10.7 ล้านคน
เหตุกราดยิงครั้งรุนแรงที่สุดก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในปี 2015 เมื่อลูกค้าคนหนึ่งในร้านอาหารในเมืองอูเฮอร์สกีบรอด ชักปืนยิงชาย 7 คนและหญิง 1 คนในร้าน ก่อนยิงตัวตาย
เดือนมีนาคมปีนี้ ผู้ป่วยคนหนึ่งในโรงพยาบาลในปรากยิงผู้ป่วย 2 คนหลังทะเลาะกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นเสียชีวิต