บีบีซีนิวส์/เอเจนซีส์ – บุตรสาวของ บ็อบ โฮว์ก อดีตนายกรัฐมนตรีทรงอิทธิพลบารมีของออสเตรเลีย ออกมากล่าวหาว่าเธอถูกข่มขืนในช่วงทศวรรษ 1980 แต่พ่อของเธอขอให้เธอเงียบเอาไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กลายเป็นภัยต่ออาชีพการงานของเขา
ข้อกล่าวหาของ โรสส์ลีน ดิลลอน บุตรสาวของโฮว์ก ปรากฏอยู่ในเอกสารยื่นต่อศาล ซึ่งทาง นิว เดลี่ เว็บไซต์ข่าวของออสเตรเลียได้อ่านและนำมาเผยแพร่
เธอระบุว่าเธอถูกข่มขืนโดย บิลล์ แลนเดอร์ยู ส.ส.คนหนึ่งในพรรคเลเบอร์ของโฮวืก ทั้งโฮว์กและแลนเดอร์ยูเวลานี้ต่างเสียชีวิตไปแล้ว
ดิลลอน ซึ่งปัจจุบันอายุ 59 ปี กำลังยื่นฟ้องเพื่อเรียกเงิน 4 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 83 ล้านบาท) จากกองมรดกของบิดาของเธอ
ในคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรที่ยื่นต่อศาล ดิลลอนระบุว่าเธอถูกแลนเดอร์ยูข่มขืน ขณะที่เธอกำลังทำงานให้สำนักงานของเขา โดยที่เวลานั้นโฮว์กกำลังใช้ความพยายามเพื่อขึ้นเป็นผู้นำของพรรคเลเบอร์
ตามเอกสารที่ยื่นต่อศาล ดิลลอนบอกว่าเธอถูกทำร้ายทางเพศรวม 3 ครั้ง เมื่อปี 1983
หลังจากครั้งที่ 3 เธอได้เล่าให้พ่อของเธอฟังว่าเธอถูกข่มขืนและต้องการที่จะไปแจ้งความตำรวจ แต่โฮว์กกลับตอบสนองด้วยการพูดว่า “เธอทำอย่างนั้นไม่ได้ พ่อไม่สามารถที่จะทำให้เกิดข้อโต้แย้งอะไรขึ้นมาในตอนนี้ พ่อเสียใจแต่พ่อกำลังต่อสู้เพื่อให้ได้เป็นผู้นำของพรรคเลเบอร์” เอกสารเหล่านี้ระบุ
ทางด้าน ซู พีเทอร์ส-โฮว์ก พี่สาวของดิลลอน บอกกับนิว เดลี่ ว่า ทางครอบครัวในตอนนั้นรู้เรื่องข้อกล่าวหานี้
“เธอเล่าให้ใครๆ ฟังในตอนนั้น ฉันเชื่อว่ามีการตอบสนองในทางให้กำลังใจ แต่มันไม่ได้มีการเกี่ยวข้องกับการใช้ระบบกฎหมาย” เธอบอกกับเว็บไซต์ข่าวแห่งนี้ สำหรับสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว ยังไม่ได้ให้ความเห็นอะไรกับทางสื่อออสเตรเลีย
แลนเดอร์ยู ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่สหภาพแรงงาน ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สังกัดพรรคเลเบอร์ในช่วงปี 1976-1992 กล่าวกันว่าเขากับโฮว์กมีความสัมพันธ์ที่ดีตลอดช่วงเวลาที่โฮว์กเป็นนายกรัฐมนตรี
สำหรับโฮว์กเป็นนักการเมืองที่มีบทบาทครอบงำวงการเมืองออสเตรเลียในยุคทศวรรษ 1980 โดยนำพาพรรคเลเบอร์ชนะการเลือกตั้งทั่วไปถึง 4 ครั้ง เขาเสียชีวิตเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้
เขาเป็นผู้นำที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและทางสังคมอย่างขนานใหญ่แก่ประเทศของเขา ขณะเดียวกันก็สร้างความประทับใจจากบุคลิกส่วนตัวที่เป็นคนติดดิน และชื่นชอบการดื่มเบียร์