เอเจนซีส์ – จีน' 'ดิสเครดิต' ชายที่อ้างว่าเป็นสายลับแดนมังกรแปรพักตร์ ซึ่งหนีไปขอลี้ภัยในออสเตรเลียพร้อมข้อมูลข่าวกรองจำนวนมากเกี่ยวกับปฏิบัติการแทรกแซงการเมืองในฮ่องกง ไต้หวัน และแดนจิงโจ้ โดยปักกิ่งออกข่าวว่า ชายคนดังกล่าวเป็นแค่นักต้มตุ๋นและนักโทษหลบหนี ขณะที่ออสซี่ระบุว่า เริ่มต้นการสอบสวนเรื่องนี้มานานแล้ว ส่วนไต้หวันได้โอกาส จวกจีนเป็นศัตรูสำคัญของระบอบประชาธิปไตย
การแถลงข่าวของตำรวจเซี่ยงไฮ้เมื่อวันเสาร์ (23 พ.ย.) มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสื่อออสซี่รายงานสิ่งที่ หวัง หลี่เฉียง วัย 26 ปี ให้การต่อสำนักงานต่อต้านการสอดแนมของทางการแคนเบอร์รา ซึ่งรวมถึงรายชื่อเจ้าหน้าที่ข่าวกรองการทหารอาวุโสของจีนในฮ่องกง และวิธีปฏิบัติภารกิจแทรกแซงในฮ่องกง ไต้หวัน และออสเตรเลีย
ตามรายงานในหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ ของออสเตรเลีย ทั้งของเครือข่ายไนน์, ดิ เอดจ์ และซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮรัลด์นั้น หวังเผยว่า เขามีส่วนเกี่ยวข้องในการแทรกซึมและปฏิบัติการก่อกวนใน3 ดินแดนดังกล่าว พร้อมแจงละเอียดยิบเกี่ยวกับวิธีการที่ปักกิ่งควบคุมบริษัทจดทะเบียนเพื่อให้สนับสนุนเงินทุนแก่ปฏิบัติการข่าวกรองอย่างลับๆ ซึ่งรวมถึงการสอดแนมและการรวบรวมข้อมูลผู้ต่อต้าน
ตอนนี้ หวังอยู่ในซิดนีย์กับภรรยาและลูกชายวัยแบเบาะ โดยถือวีซ่านักท่องเที่ยวและกำลังยื่นเรื่องขอลี้ภัยทางการเมือง
กระนั้น เมื่อวันเสาร์สำนักงานตำรวจเซี่ยงไฮ้พยายามทำลายความน่าเชื่อถือของหวังด้วยการระบุว่า ตำรวจเริ่มต้นการสอบสวนเมื่อเดือนเมษายนหลังจากหวังถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงในธุรกิจนำเข้ารถยนต์มูลค่า 653,000 ดอลลาร์ รวมทั้งถูกตัดสินจำคุก 15 เดือนเมื่อปี 2016 จากคดีฉ้อโกง แต่ได้รับการภาคทัณฑ์
คำแถลงของตำรวจเซี่ยงไฮ้สำทับว่า หวังเป็นเพียงคนตกงานและนักโทษหลบหนี รวมทั้งถือหนังสือเดินทางจีนปลอมเช่นเดียวกับหนังสือรับรองถิ่นที่อยู่ในฮ่องกงก็เป็นของปลอม และสำทับว่า กำลังเร่งสอบสวนคดีนี้เพิ่มเติม
ทางด้านหวังให้สัมภาษณ์รายการ 60 มินิตส์ ออสเตรเลีย ที่ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ (24) ว่า เขาคงถูกโทษประหารชีวิตถ้ากลับไปจีน
จากรายงานของสื่อออสเตรเลีย หวังให้ข้อมูลภายใต้คำสาบานต่อองค์กรข่าวกรองด้านความมั่นคงของออสเตรเลีย (เอเอสไอโอ) เมื่อเดือนตุลาคมว่า ตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องและเข้าร่วมกิจกรรมการสอดแนมหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงการแทรกซึมองค์กรสื่อ ศาสนา และองค์กรระดับรากหญ้าในไต้หวันภายใต้ชื่อปลอมและหนังสือเดินทางของเกาหลีใต้ เพื่อทำให้ผู้สมัครที่เป็นปฏิปักษ์ต่อจีนพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งสภาเทศบาลปี 2018
หวังยังอ้างว่า ได้ประสานงาน “กองทัพไซเบอร์” เพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นทางการเมืองเหมือนที่รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา
เขาสำทับว่า ที่ขอลี้ภัยในออสเตรเลียเนื่องจากกลัวถูกเจ้าหน้าที่ต่อต้านการสอดแนมของไทเปจับได้ว่า กำลังพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันที่จะมีขึ้นปีหน้า
ส่วนที่ฮ่องกงนั้น หวังบอกว่า เขาเป็นส่วนหนึ่งในปฏิบัติการข่าวกรองที่แฝงตัวอยู่ในบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งที่พยายามแทรกซึมมหาวิทยาลัยและสื่อ รวมทั้งโจมตีทางไซเบอร์ต่อขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย
หวังแจงว่า หน้าที่ของเขาคือ หาข้อมูลเกี่ยวกับนักเคลื่อนไหว และนำข้อมูลส่วนตัวของบุคคลเหล่านั้นรวมถึงพ่อแม่พี่น้องไปเปิดเผยต่อสาธารณชนเพื่อ “ทำให้พวกที่สร้างปัญหาหวาดกลัว”
นอกจากนั้น เขายังช่วยจัดการลักพาตัวลี โบ เจ้าของร้านหนังสือในย่านคอสเวย์เบย์ในฮ่องกงเมื่อปลายปี 2015 ที่ปักกิ่งระบุว่า เผยแพร่สื่อของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล โดยในปีนั้นมีพนักงานร้านหนังสืออีก 4 คนถูกอุ้มหายไปในแผ่นดินใหญ่
หวังยังบอกอีกว่า ได้พบเจ้าหน้าที่ข่าวกรองระดับสูงที่เขาเชื่อว่า ปฏิบัติภารกิจสอดแนมในออสเตรเลียผ่านบริษัทพลังงานแห่งหนึ่ง
เวลาเดียวกัน รายงานจากสื่อแดนจิงโจ้ระบุว่า หน่วยสอดแนมต้องสงสัยของจีนได้เสนอเงิน 1 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียให้โบ จ้าว ผู้แทนจำหน่ายรถหรูในเมลเบิร์น ลงสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภาออสเตรเลีย
ปีที่แล้ว จ้าว ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเสรีนิยมของนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน เปิดเผยกับเอเอสไอโอว่า ได้ถูกนักธุรกิจเมลเบิร์นคนหนึ่งทาบทาม และเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีคนพบศพจ้าวในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองดังกล่าว ซึ่งจนถึงขณะนี้ตำรวจยังไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้
ทางด้านไมค์ เบอร์เกสส์ ผู้อำนวยการเอเอสไอโอแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า ได้เริ่มการสอบสวนเรื่องนี้มานานแล้ว และเสริมว่า หน่วยข่าวกรองประสงค์ร้ายของต่างชาติยังคงเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของออสเตรเลีย
ขณะที่มอร์ริสันระบุว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวรบกวนจิตใจและเป็นปัญหาใหญ่ และสำทับว่า รัฐบาลได้ปรับปรุงกฎหมายและหน่วยงานความมั่นคงเพื่อรับมือการแทรกแซงของต่างชาติอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความสัมพันธ์ออสเตรเลีย-จีนร้าวฉานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากข้อกล่าวหาปักกิ่งพยายามแทรกแซงกิจการภายในของออสเตรเลีย
ส่วนที่ไต้หวัน โช จุง-ไท่ ประธานพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าซึ่งเป็นพรรครัฐบาลและสนับสนุนให้ไต้หวันประกาศเอกราชนั้น กล่าวถึงการเปิดเผยของหวังว่า จำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติมและว่า มีข่าวปลอมมากมายถูกปล่อยมาจากแผ่นดินใหญ่
โชสำทับว่า แม้พรรคก๊กมินตั๋งที่สนับสนุนปักกิ่ง เป็นคู่แข่งโดยตรงในการเลือกตั้ง แต่ความท้าทายสำคัญที่สุดมาจากจีน ซึ่งเป็นพลังทำลายล้างที่รุนแรงที่สุดและเป็นศัตรูของประชาธิปไตย