รอยเตอร์ - หลังจากสภาพอากาศแจ่มใสในช่วงสุดสัปดาห์ ล่าสุดชาวเมืองหลวงอินเดียต้องฝ่าหมอกควันพิษออกไปทำงานอีกครั้ง เมื่อค่าฝุ่นละอองในอากาศของกรุงนิวเดลีกลับมาพุ่งสูงจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพวันนี้ (11 พ.ย.)
ดัชนีวัดคุณภาพอากาศของสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงนิวเดลีวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ได้สูงถึง 497 เมื่อเวลา 6.30 GMT ขณะที่ในบางพื้นที่วัดค่าได้สูงเกือบ 700 หรือมากกว่า 10 เท่าของค่ามาตรฐานที่รัฐบาลอินเดียตั้งไว้แบบอะลุ้มอล่วยที่ 60
PM2.5 นั้นหมายถึงอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมของมนุษย์ถึง 30 เท่า ฝุ่นละเอียดเหล่านี้หากสะสมในปอดมากๆ จะก่อให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว โรคมะเร็งปอด หรือโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ
วิเวก ชัตโตปัธไย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายโครงการของศูนย์เพื่อวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม (Centre for Science and Environment) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรในกรุงนิวเดลี ระบุว่า กระแสลมที่อ่อนลงบวกกับอุณหภูมิที่ลดต่ำเนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาวทำให้อากาศมีความหนาแน่นมากขึ้น และกักเก็บอนุภาคฝุ่นละอองไม่ให้ลอยสูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ
ทางการเดลีได้ออกมาตรการจำกัดการใช้รถยนต์ส่วนตัวตามป้ายเลขทะเบียน “เลขคู่-เลขคี่” จนถึงวันที่ 15 พ.ย. โดยยกเว้นวันสำคัญทางศาสนา 2 วัน ซึ่งก็ช่วยบรรเทาปัญหาได้เพียงเล็กน้อย ขณะที่นักสิ่งแวดล้อมเรียกร้องให้ภาครัฐมีมาตรการต่อสู้วิกฤตหมอกควันพิษอย่างจริงจังและเร่งด่วน
“มุขมนตรี (นิวเดลี) จำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน” ภารตี ชาตูร์เวดี ผู้ก่อตั้งกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Chintan ให้สัมภาษณ์ “หากนี่เป็นปัญหาเรื้อรัง ท่านก็ควรประกาศภาวะฉุกเฉิน”
ทุกๆ ปีเมื่อฤดูหนาวมาถึง ชาวไร่ชาวนาในรัฐปัญจาบและหรยาณาซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมใกล้กรุงนิวเดลีจะเผาตอซังข้าว เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกในฤดูกาลใหม่ และเมื่อควันพิษเหล่านี้มารวมกับไอเสียรถยนต์และฝุ่นจากโรงงานอุตสาหกรรมจึงทำให้นิวเดลีกลายเป็นเมืองหลวงที่มีอากาศสกปรกที่สุดในโลก
สัปดาห์ที่แล้ว ศาลสูงสุดอินเดียได้ประณามความล้มเหลวของหน่วยงานท้องถิ่นในการต่อสู้วิกฤตหมอกควันพิษ และเรียกร้องให้ทั้งกรุงนิวเดลี ตลอดจนรัฐข้างเคียงและรัฐบาลกลาง ร่วมมือกันปรับปรุงคุณภาพอากาศให้ดีขึ้น