xs
xsm
sm
md
lg

In Clip: ศาลสูงสุดอินเดียตัดสินให้ที่ดินพิพาทในเมืองอโยธยา ตกเป็นของฝั่งฮินดู

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) ศาลสูงอินเดียออกคำตัดสินครั้งประวัติศาสตร์ อนุญาตให้ที่ดินพิพาทระหว่างชาวฮินดูและชาวมุสลิมในเมืองอโยธยา รัฐอุตตรประเทศ เมื่อปี 1992 ให้กับทรัสต์ที่เป็นผู้ดูแลสำหรับการก่อสร้างวัดฮินดูแห่งใหม่ที่จุดนี้ ท่ามกลางการรักษาความมัานคงทั่วประเทศอย่างแน่นหนา แต่ไม่มีรายงานเหตุวุ่นวายเกิดขึ้นภายในช่วงค่ำวันเดียวกันนั้น ปากีสถานส่งเสียงตำหนิ

เอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) ว่า ศาลสูงสุดอินเดียออกคำตัดสินในวันเสาร์ (9) ว่า ที่ดินในเมืองอโยธยา รัฐอุตตรประเทศ ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของมัสยิดบาบริ (Babri Masjid) ซึ่งเป็นมัสยิดอายุ 460 ปีของชาวมุสลิมชนกลุ่มน้อยแต่ถูกม็อบฮินดูชาตินิยมเข้าทำลายเมื่อปี 1992 นั้น สมควรตกเป็นของทรัสต์ของวัดฮินดูเพื่อการก่อสร้างวัดฮินดูแห่งใหม่ที่นี้

และในคำพิพากษาชี้ว่า ได้มีการตัดสินใจยกที่ดินแห่งใหม่ในเมืองอโยธยาให้กับชุมชนชาวมุสลิมเพื่อสร้างมัสยิดแห่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่ เอเอฟพีชี้ว่าคำพิพากษาครั้งประวัติศาสตร์ที่มีการรอคอยมาอย่างยาวนานมีความยาวถึง 1,045 หน้า กลายเป็นการหยิบยื่นชัยชนะครั้งใหญ่ให้กับพรรคภารตียชนตา BJP ของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ไป

ในขณะที่บรรดาผู้สนับสนุนชาวฮินดูเฉลิมฉลองชัยชนะอยู่ด้านนอกศาลสูงสุดในกรุงนิวเดลีวันเสาร์ (9) พบว่า เมืองอโยธยากลับอยู่ในวงล้อมของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงหลายพันนาย ซึ่งรอยเตอร์ชี้ว่ามีการระดมกำลังกึงทหารร่วม 5,000 นาย ที่รวมไปถึงกองกำลังตำรวจปราบจลาจลอินเดียที่ถูกส่งเข้ามาควบคุมสถานการณ์

นอกเหนือจากเมืองอโยธยาแล้ว พบว่า ได้มีการสั่งตำรวจทั่วประเทศให้มีการเฝ้าระวังสูง รวมไปถึงเจ้าหน้าที่อื่นๆ และ อาสาสมัครยังระดมกำลังมอนิเตอร์การโพสต์ทางโซเชียลมีเดียเพื่อบล็อกการโพสต์ที่อาจทำให้เกิดชนวนความขัดแย้ง มีการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นที่เมืองอลีครห์ (Aligarh) ซึ่งเป็นชุมชนชาวมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียในรัฐอุตตรประเทศ

เอเอฟพีชี้ว่า ในปี 1992 ม็อบฮินดูชาตินิยมที่มีประมาณตัวเลขสูงถึง 200,000 คน ได้บุกเข้าทำลายมัสยิดเดิมของชาวมุสลิมที่มีอายุย้อนไปไกลถึง 460 ปี ลงเหลือแต่ซาก และทำให้กลายเป็นการจลาจลทางศาสนาที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่การประกาศเอกราชมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปราว 2,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม

รอยเตอร์รายงานว่า มีชาวฮินดูร่วมหลายล้านคนต่างเชื่อว่ามัสยิดบาบริแห่งนี้สร้างบนสถานที่ปรสูติขององค์ศรีรามตามความเชื่ว่าเป็นองค์อวตารของพระวิษณุ

และในปี 2002 พบมีนักเคลื่อนไหวชาวฮินดูจำนวน 59 คน เสียชีวิตในกองเพลิงบนรถไฟจากเมืองอโยธยา เกิดจลาจลในรัฐคุชราฏที่มีโมดีเป็นมุขมนตรีในเวลานั้น และได้เห็นคนอีกจำนวนร่วม 1,000 รายเสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม

เอเอฟพีรายงานว่า คำพิพากษาครั้งประวัติศาสตร์คาดหวังว่าจะสามารถยุติคดีความที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนานสำเร็จ แต่ทว่าทนายความฝ่ายชาวมุสลิม ชี้ว่า คำตัดสินที่ออกมายังคงไม่ยุติธรรม และจะยื่นเรื่องขอให้ทำการทบทวนใหม่

ด้าน ชาห์ เมห์มูด กูเรชี (Shah Mehmood Qureshi) รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถานออกมาแสดงความเห็นถึงคำตัดสินว่าตั้งอยู่บนพื้นฐานความมีอคติของรัฐบาลโมดีเป็นสำคัญ ทั้งนี้ โมดีได้เคยประกาศในการหาเสียงรอบแรกว่าจะสร้างวิหารศรีรามขึ้นในปี 2014 และทำให้เขาเข้ามาสู่อำนาจสำเร็จ แต่ในภายหลังโมดีเกิดเปลี่ยนใจและต้องการรอคำพิพากษาจากศาลก่อน












กำลังโหลดความคิดเห็น