มาร์เก็ตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันทรงตัวในวันศุกร์(8พ.ย.) จากข้อมูลแท่นขุดเจาะซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มกำลังผลิตในสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกและทองคำขยับลง ท่ามกลางความมึนงงต่อแนวโน้มข้อตกลงการค้าระหว่างอเมริกากับจีน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ ปิดที่ 57.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ ปิดที่ 62.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เบเกอร์ ฮิวจ์ส บริษัทผู้ให้บริการทางพลังงานเผยแพร่ข้อมูลในวันศุกร์(8พ.ย.) ระบุว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้มีการเดินเครื่องลดลง 7 แท่น เหลือ 684 แท่น ถือเป็นการลดลง 3 สัปดาห์ติด และลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 202 แท่น บ่งชี้ถึงแนวโน้มกำลังผลิตที่ลดลงในอเมริกา
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันศุกร์(8พ.ย.) ปิดบวกในกรอบแคบๆ นักลงทุนสับสนต่อข่าวที่เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 6.44 จุด (0.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 27,681.24 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 7.90 จุด (0.26 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,093.08 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 40.80 จุด (0.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,475.31 จุด
เมื่อวันพฤหัสบดี(7พ.ย.) บรรดาเจ้าหน้าที่จากสองประเทศ เปิดเผยว่าจีนและสหรัฐฯเห็นพ้องค่อยๆถอนมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าที่กำหนดงานอีกฝ่าย ส่วนหนึ่งใน "เฟส1" ของข้อตกลงการค้า อย่างไรก็ตามแนวคิดดังกล่าวกลับถูกต่อต้านอย่างดุเดือดจากเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ต่อในวันศุกร์(8พ.ย.) ทรัมป์ ได้ให้สัมภาษณ์สวนทางกับฝั่งจีน โดยระบุว่าเขาไม่ได้ตอบตกลงถอนมาตรการรีดภาษี ในส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าบางส่วนที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเจรจากันอยู่ กระพือข้อสงสัยรอบใหม่ว่าเมื่อไหร่สองชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลกจะยุติข้อพิพาททางการค้าระหว่างกัน
อย่างไรก็ตามด้วยยังพอมีมุมมองทางบวกอยู่บ้านในความคืบหน้าของการเจรจาทางการค้าระหว่างกัน ส่งผลให้นักลงทุนปรับเปลี่ยนการถือครอง หันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ฉุดราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์เสี่ยงต่ำในวันศุกร์(8พ.ย.) ปิดลบ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,462.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์