เอเจนซีส์ - องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) เปิดเผยว่า ประชากรหมู 1 ใน 4 ของโลกถูกคาดหมายว่าจะตายเพราะการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF)
ราคาเนื้อหมูในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการที่มากขึ้นของจีน เพราะที่นั่นมีหมูมากถึง 100 ล้านตัวที่ต้องตาย หลังจากมีการระบาดของ ASF ในประเทศจีนเมื่อปีที่แล้ว
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จีนได้อนุมัติการส่งออกให้กับบรรดาโรงงานเนื้อสัตว์ของต่างชาติ และลงนามข้อตกลงไปทั่วโลก จนยอดขายหมูสหรัฐฯ ที่ส่งมาจีนนั้นเพิ่มขึ้นสองเท่า ส่วนราคาหมูยุโรปก็พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี
ดร.มาร์ค ชิป รองประธาน OIE ระบุว่า การแพร่ระบาดของโรคนี้เมื่อปีที่แล้วในหลายประเทศ กำลังก่อให้เกิดวิกฤตทั่วโลก รวมถึงจีน ซึ่งมีจำนวนประชากรหมูครึ่งหนึ่งของทั้งโลก
ชิปบอกว่า บรรดานักวิทยาศาสตร์สัตวแพทย์ทั่วโลกกำลังพยายามค้นหาวัคซีนสำหรับโรคนี้ แต่ด้วยธรรมชาติของไวรัสตัวนี้ทำให้มันเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน
แม้ว่าโรคนี้จะไม่แพร่กระจายสู่มนุษย์ แต่เมื่อมันแพร่ระบาดเข้าสู่หมู ก็แน่นอนเลยว่าหมูต้องตายสถานเดียว
ASF สามารถติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ที่ติดเชื้อ รวมถึงผ่านพาหะอย่างเห็บ นอกจากนี้เชื้อไวรัสยังสามารถอยู่รอดได้อีกหลายเดือนในเนื้อสัตว์ และอยู่ได้นานหลายปีในซากสัตว์แช่แข็ง
ด้วยเหตุนี้บรรดาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จึงเป็นที่กังวลว่าจะทำให้เกิดการส่งต่อไวรัสข้ามพรมแดน โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม มีการพบเนื้อที่มีเชื้อไวรัสของโรค ASF ในไอร์แลนด์เหนือ
การแพร่ระบาดในจีนนั้นค่อนข้างรุนแรง มีหมูต้องตายไปมากถึง 100 ล้านตัว ตามการประกาศของเจ้าหน้าที่จีน นอกจากนี้ยังมีการทำนายว่าในปีนี้จีนจะต้องสูญเสียหมูไปอีกประมาณ 20 - 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนั่นอาจจะมากถึง 350 ล้านตัว คิดเป็น 1 ใน 4 ของหมูทั้งโลก
ไวรัสของโรคนี้มีการพบแล้วใน 50 ประเทศ อาทิ โปแลนด์ รัสเซีย เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ส่วนในฝั่งตะวันตกนั้นมีการพบแล้วที่เบลเยียม ซึ่งมีแผนจะฆ่าหมูกันแล้วเพราะโรคนี้
