รอยเตอร์/เอเอฟพี - พรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน แถลงในวันจันทร์ (30 ก.ค.) ว่า ได้ชัยชนะอย่างถล่มทลายสามารถคว้าที่นั่งในรัฐสภาที่มีอยู่ 125 ที่นั่งเอาไว้ได้ทั้งหมด จากการเลือกตั้งทั่วไปที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (29) ซึ่งพวกนักวิจารณ์ระบุว่าทั้งไม่เสรีทั้งไม่เป็นธรรม และโลกตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯ ขู่จะใช้มาตรการลงโทษ ขณะที่จีนแถลงแสดงความยินดีที่จัดการเลือกตั้งได้โดยราบรื่น
“พรรคซีพีพีได้คะแนนเสียง 77.5% ของผู้ที่มาใช้สิทธิทั้งหมด และชนะกวาดที่นั่งในรัฐสภาได้หมดทุกที่นั่ง พรรคอื่นๆไม่ได้เลยแม้แต่ที่นั่งเดียว” โสก อายสาน โฆษกพรรคซีพีพีบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ทางโทรศัพท์
โสก อายสาน บอกว่าชัยชนะแบบถล่มทลายที่เขากล่าวนี้อิงอยู่กับผลการเลือกตั้งเบื้องต้น ขณะที่ผลการเลือกตั้งสุดท้ายมีกำหนดจะออกมาในวันที่ 15 สิงหาคม
พวกนักวิจารณ์พูดกันตั้งแต่ก่อนการลงคะแนนเสียอีกว่า การเลือกตั้งคราวนี้เป็นการก้าวถอยหลังสำหรับระบอบประชาธิปไตยในกัมพูชา เนื่องจากมีการกดขี่ปราบปรามฝ่ายค้าน ถึงขั้นที่มีการยุบเลิกพรรคกู้ชาติกัมพูชา (ซีเอ็นอาร์พี) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านสำคัญที่สุด ไปเมื่อปีที่แล้ว และ แกม สุขา ผู้เป็นหัวหน้าพรรค ก็ถูกจำคุกในข้อหากบฎ
ขณะที่ สม รังสี อดีตประธานพรรคซีเอ็นอาร์พี ซึ่งเวลานี้หลบหนีไปลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ แถลงว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเพียงชัยชนะ “ที่กลวงเปล่า” สำหรับฮุนเซน ผู้ปกครองกัมพูชามาอย่างต่อเนื่องยาวนานเกือบ 33 ปีแล้ว
มู สุคัว รองหัวหน้าพรรคซีเอ็นอาร์พี ซึ่งลี้ภัยในต่างประเทศเช่นกัน ได้แถลงข่าวที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันจันทร์ (30) ว่า “วันที่ 29 กรกฎาคม 2018 ถือเป็นวันสูญสิ้นของประชาธิปไตยในกัมพูชา เป็นวันแห่งความมืดมนครั้งใหม่ในประวัติศาสตร์ของชาติ” พร้อมกับเรียกร้องให้ประชาคมโลกปฏิเสธผลการเลือกตั้งที่ประกาศโดยพรรคซีพีพี และจากคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ
ทางด้าน ซาราห์ แซนเดอร์ส เลขานุการฝ่ายหนังสือพิมพ์ หรือโฆษกของทำเนียบขาว กล่าวในคำแถลงว่า การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ (29) นั้น “ล้มเหลวไม่ได้เป็นตัวแทนแห่งเจตนารมณ์ของประชาชนชาวกัมพูชา”
“การเลือกตั้งที่บกพร่องมีมลทินคราวนี้ ซึ่งกีดกันพรรคฝ่ายค้านสำคัญที่สุดของประเทศไม่ให้เข้าร่วม คือตัวแทนแสดงถึงการถอยหลังอย่างสำคัญที่สุดเท่าที่เคยปรากฏขึ้นมาของระบบประชาธิปไตยซึ่งได้รับการปกป้องคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญของกัมพูชา” คำแถลงของแซนเดอร์สระบุ และบอกอีกว่าช่วงการรณรงค์หาเสียงของการเลือกตั้งครั้งนี้ก็มีปัญหามาก เนื่องจากมีการข่มขู่คุกคามจากพวกผู้นำทั้งในระดับชาติและในระดับท้องถิ่น
“สหรัฐฯจะพิจารณาใช้จังหวะก้าวเพิ่มเติม เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ ตลอดจนต่อการถอยหลังประการอื่นๆ ของประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในกัมพูชาซึ่งเกิดขึ้นในระยะหลังๆ มานี้” โฆษกทำเนียบขาวกล่าวในคำแถลงโดยระบุว่า มาตรการเพิ่มเติมดังกล่าวมีอาทิ การขยายข้อจำกัดในการให้วีซ่าเข้าสหรัฐฯ จากที่ได้ประกาศไว้แล้วเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2017
ทั้งนี้ตามประกาศในปี 2017 ดังกล่าว สหรัฐฯสั่งงดออกวีซ่าแก่สมาชิกบางคนในคณะรัฐบาลกัมพูชาจากพฤติการณ์ปราบปรามฝ่ายค้าน นอกจากนั้นเมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ วอชิงตันยังได้ใช้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงซึ่งใกล้ชิดกับฮุนเซนผู้หนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน พาย สีพัน โฆษกรัฐบาลกัมพูชาแถลงตอบโต้ว่า คำแถลงเช่นนี้ของทำเนียบขาวคือความพยายามที่จะข่มขู่กัมพูชา
“นี่คือการต่อต้านคัดค้านชาวกัมพูชาที่ได้ไปออกเสียงเพื่อตัดสินอนาคตของพวกเขาเอง” โฆษกผู้นี้บอก
สำหรับสหภาพยุโรป ทางสำนักงานกิจการต่างประเทศได้ออกคำแถลงระบุว่า ผลโหวตในกัมพูชาคราวนี้ขาดความน่าเชื่อถือ เนื่องจากไม่ได้มีการแข่งขันหาเสียงเลือกตั้งที่แท้จริง รวมทั้งไม่มีกระบวนการทางการเมืองที่เปิดกว้างต้อนรับทุกฝ่าย ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นตัวแทนแห่งเจตนารมณ์แบบประชาธิปไตยของผู้ออกเสียงชาวกัมพูชา
คำแถลงของอียูยังตำหนิติเตียน “บรรยากาศทางการเมืองที่มีความจำกัดบีบรัดเป็นอย่างยิ่ง” และเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจของกัมพูชาฟื้นฟูประชาธิปไตย เปิดการสนทนากับฝ่ายค้าน และสร้างเงื่อนไขที่จะดึงดูดการถกเถียงทางการเมืองอย่างเสรี
แต่ถึงแม้โลกตะวันตกพากันวิพากษ์วิจารณ์การเลือกตั้งคราวนี้ ปรากฏว่าจีนที่ยังคงเป็นพันธมิตรสำคัญยิ่งของฮุนเซน ได้แสดงความยินดีที่กัมพูชาจัดให้มีการเลือกตั้งได้อย่างราบรื่น
เกิ่ง ส่วง โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศจีน ยังกล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำวันตามปกติที่กรุงปักกิ่งวันจันทร์ (30) ว่า “ผมเชื่อว่าการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภากัมพูชานี้ เป็นกิจการภายในของกัมพูชา”
“เราหวังว่าประชาคมระหว่างประเทศจะสามารถให้ความช่วยเหลือในทางสร้างสรรค์ เพื่อให้กัมพูชายังคงมีเสถียรภาพและบรรลุผลในการพัฒนา”