เอเจนซีส์ – ทรัมป์รับปากระงับการรีดภาษีศุลกากรรถจากอียู ขณะที่สหภาพยุโรปก็ตกลงสั่งซื้อถั่วเหลืองและก๊าซจากอเมริกาเพิ่ม สองฝ่ายยังเริ่มเจรจาเพื่อลดอุปสรรคทางการค้าอื่นๆ ท่ามกลางความยินดีของทั้งภาครัฐและเอกชนเพราะเท่ากับเป็นการปลดชนวนสงครามการค้าระหว่างอเมริกากับยุโรป
ภายหลังพบกันที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธ (25 ก.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป แถลงว่า การหารือคราวนี้ยังได้ตกลงกันที่จะทบทวนมาตรการภาษีศุลกากรที่อเมริกาเรียกเก็บจากเหล็กกล้าและอลูมิเนียมอียู และมาตรการภาษีตอบโต้จากฝ่ายบรัสเซลส์ ท่าทีของทรัมป์เช่นนี้ทำให้ถูกมองว่า เท่ากับผู้นำสหรัฐฯ ยอมถอยจากจุดยืนในการปกป้องผู้ผลิตโลหะภายในประเทศ
ด้านประมุขทำเนียบขาวเสริมว่า ยุโรปเห็นพ้องจัดซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เพิ่มจากอเมริกา จากปัจจุบันที่นำเข้าอยู่แล้ว 35% และเริ่มสั่งซื้อถั่วเหลืองของอเมริกาเกือบจะในทันที
ทรัมป์ยังทวิตในเวลาต่อมาว่า งานเอกสารคืบหน้าอย่างรวดเร็วมากและการประชุมกับจุงเกอร์เป็นไปอย่างอบอุ่น ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่มีใครคิดว่า เป็นไปได้ ข้อความเหล่านี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อวันที่ 15 ที่ผ่านมาที่เขาเรียกอียูว่า “ศัตรู” ทางการค้า
ผลการหารือดูเหมือนเป็นชัยชนะสำหรับทรัมป์ที่ยืนยันกับผู้สนับสนุนว่า ยุทธศาสตร์เจรจาการค้าแบบเผชิญหน้าจะประสบความสำเร็จ
ด้านจุงเกอร์แถลงว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า จะระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรใหม่ๆ ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการเตรียมขึ้นภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนที่อเมริกาประกาศไว้ ตราบที่การเจรจายังคงดำเนินอยู่ นอกจากนั้นเขายังให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า ข้อตกลงนี้เป็นการผ่อนปรนครั้งสำคัญของทรัมป์และหวังว่า ผู้นำสหรัฐฯ จะดำเนินการตามสิ่งที่ตกลงกันไว้ให้ลุล่วง
อย่างไรก็ตาม มาตรการภาษีศุลกากรเหล็กกล้า 25% และอลูมิเนียม 10% ที่อเมริกาบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคมจะยังคงมีผล ในระหว่างที่สองฝ่ายเจรจากัน
ทรัมป์และจุงเกอร์กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มความสัมพันธ์ในขั้นตอนใหม่ และเจรจากันต่อไปเพื่อมุ่งยกเลิกภาษีศุลกากรทั้งหมด อุปสรรคทางการค้าทั้งหมด และการอุดหนุนสินค้าอุตสาหกรรมนอกภาคยานยนต์ รวมทั้งลดอุปสรรคการค้าในภาคบริการ เคมีภัณฑ์ เวชภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์การแพทย์ อีกทั้งจะร่วมกันปฏิรูปกฎขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ที่คณะบริหารของทรัมป์วิจารณ์บ่อยครั้งว่า เข้าข้างประเทศคู่ค้าของอเมริกา
ชาติสมาชิกและเจ้าหน้าที่อียูต่างยินดีกับข้อตกลงล่าสุด เช่น ปีเตอร์ อัลไมเออร์ รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนีที่ทวิตว่า ความสำเร็จนี้ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงสงครามการค้าและปกป้องตำแหน่งงานนับล้าน
กลุ่มพันธมิตรผู้ผลิตยานยนต์ ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทรถทั้งในและนอกสหรัฐฯ ยินดีกับข้อตกลงนี้เช่นเดียวกันโดยระบุว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่า การเจรจาทวิภาคีเป็นแนวทางแก้ไขข้อพิพาททางการค้าที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการขึ้นภาษีศุลกากร
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่อียูคนหนึ่งเผยว่า วอชิงตันกดดันอย่างหนักให้บรัสเซลส์สั่งซื้อถั่วเหลืองเพิ่มเพื่อช่วยผ่อนคลายผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของจีน หลังจากที่เมื่อวันอังคาร (24) คณะบริหารของทรัมป์เพิ่งประกาศให้ความช่วยเหลือเกษตรกรมูลค่า 12,000 ล้านดอลลาร์
การผ่าทางตันระหว่างบรัสเซลส์กับวอชิงตันครั้งนี้มีขึ้นขณะที่อเมริกากับจีนกำลังขัดแย้งกันอย่างหนักในประเด็นการค้า ล่าสุดจีนยังเดินเกมตอบโต้มาตรการภาษีของทรัมป์ทางอ้อมด้วยการไม่อนุมัติให้ควอลคอมม์ ผู้ผลิตชิปของอเมริกา เข้าผนวกเอ็นเอ็กซ์พี เซมิคอนดักเตอร์
ควอลคอมม์ต้องได้รับไฟเขียวจากปักกิ่ง เนื่องจากจีนเป็นแหล่งรายได้เกือบ 2 ใน 3 ของบริษัท แต่เส้นตายในช่วงเที่ยงวันพฤหัสบดี (26) ตามเวลาท้องถิ่นของเอเชียผ่านไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ จากผู้คุมกฎจีน และควอลคอมม์ตัดสินใจยกเลิกการขอเข้าซื้อบริษัทคู่แข่งสัญชาติดัตช์รายนี้แล้ว
ทางโรแบร์โต อาเซเวโด ผู้อำนวยการใหญ่ดับเบิลยูทีโอ กล่าวเมื่อวันพุธโดยแสดงความหวังว่า จะสามารถหยุดยั้งแนวโน้มการสร้างข้อจำกัดทางการค้าที่กำลังขยายตัวออกไปและสร้างความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และการฟื้นตัว
รายงานฉบับใหม่ของดับเบิลยูทีโอแสดงให้เห็นว่า การค้าโลกที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดการนำเข้ามีมูลค่าเพิ่มเป็น 84,500 ล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม เทียบกับ 79,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยในช่วงระหว่างนี้มีการออกมาตรการจำกัดใหม่ๆ ถึง 75 มาตรการ